| ผู้เขียน | มติ การเมือง |
|---|
การเมืองช่วงกลางเดือนกันยายนเป็นต้นไป สถานการณ์ของหลายพรรคจะเข้าสู่โหมดเตรียมรับการคลายล็อกของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ”(คสช.) ให้กับพรรคการเมืองเก่า ได้ขยับขยายจัดประชุมพรรค จัดการงานด้านธุรการ ทั้งการประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรค เลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค เปิดรับสมาชิกพรรคเพิ่มเติม เพื่อรองรับการทำไพรมารีโหวตคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. สู้ศึกเลือกตั้ง เร็วที่สุดคือเดือน”กุมภาพันธ์” ช้าสุดจะอยู่ในห้วงเดือน”พฤษภาคม” 2562
ที่ต้องโฟกัสของแต่ละพรรค ในห้วงคลายล็อกพรรคเมือง คือ การประชุมใหญ่เพื่อเลือก “หัวหน้าพรรค” ที่จะมาทำหน้าที่ “แม่ทัพใหญ่” ลงสนามเลือกตั้ง
โดยเฉพาะ 2 พรรคใหญ่ เจ้าของแชมป์เก่าเลือกตั้งเมื่อปี 2554 อย่าง “พรรคเพื่อไทย”(พท.) และ “พรรคประชาธิปัตย์”(ปชป.) ในฐานะรองแชมป์
ในส่วนของ “พรรคเพื่อไทย” แกนนำพรรค ยืนยันชัดเจนว่า หลังได้รับสัญญาณคลายล็อกจากคสช. ภายใน 7 วัน จะเรียกประชุมแกนนำพรรคพท. คัดเลือก “หัวหน้าพรรค” คนที่ 5 เป็นผู้นำพรรคตัวจริง แทน “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” ที่นั่งรักษาการหัวหน้าพรรคพท. อยู่ในขณะนี้
แม้ในเวลานี้บรรดาแกนนำพรรค และสมาชิกพรรค ต่างรู้กันดีว่า การขับเคลื่อนพรรค พท. ณ วันนี้ ทั้งบุคลากรที่เข้ามากำกับดูแล ขับเคลื่อนพรรค ในตำแหน่งต่างๆ ล้วนเป็นทีมงานสายตรงของ “คุณหญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กว่า 90%
แม้ไม่จะยังไม่เป็นทางการ แต่ระดับแกนนำต่างรับรู้การเข้ามาขับเคลื่อน พรรค พท.ของ “คุณหญิงหน่อย”
แต่ต้องไม่ลืมว่าด้วยความเป็นพรรคใหญ่ อย่าง “พรรคเพื่อไทย” ย่อมมีส.ส.หลากกลุ่ม หลายก๊วน ที่พร้อมจะวัดพลังกับแกนนำพรรคอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มส.ส.ภาคอีสาน ที่ถือเป็นฐานเสียงใหญ่สุดของพรรคพท. ที่ไม่ค่อยตอบรับสัญญาณการเข้ามาเป็น “หัวหน้าพรรคพท.” ของคุณหญิงหน่อย
ที่ต้องลุ้นคือ ในวันประชุมโหวตเลือกหัวหน้าพรรคพท. จะมีสมาชิกพรรคคนไหนเสนอชื่อ “ม้ามืด” มาท้าชิงเก้าอี้ “แม่ทัพ” ของพรรคพท. ให้ได้ลุ้นกันหรือไม่
ส่วน”พรรคประชาธิปัตย์” หัวหน้ามาร์ค “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคปชป. คนที่ 7 พร้อมเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคทันที หลังคลายล็อก
เพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรค จากนั้นจะจัดประชุมคัดเลือก คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคปชป.คนที่ 8
ที่น่าจับตา คือ “หัวหน้ามาร์ค” พร้อมเปิดช่องให้สมาชิกพรรคได้เสนอชื่อ “คนนอก” เข้ามาท้าชิงเก้าอี้ หัวหน้าพรรคปชป.คนที่ 8 ด้วย โดยพรรคจะเปิดโอกาสให้สมาชิกทั่วประเทศได้มีโอกาสหยั่งเสียง พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับคนนอกที่จะเข้ามามีส่วนร่วมเป็นแกนนำพรรคปชป.
ซึ่งหลักเกณฑ์ที่ “เดอะมาร์ค” ชงเป็นตุ๊กตาให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา ในการคัดเลือกหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่นั้น หากเป็นการเสนอชื่อ “คนในพรรค” เข้าชิงหัวหน้าพรรค จะต้องใช้ส.ส. 20 คน พร้อมกับสมาชิกพรรคภาคละ 500 คน เป็นผู้รับรอง
ขณะที่การเสนอชื่อ”คนนอกพรรค” มาชิงหัวหน้าพรรค จะต้องใช้ ส.ส. 40 คน และสมาชิกพรรคภาคละ 1,000 คน เป็นผู้รับรอง ก่อนจะเสนอเข้าที่ประชุมพรรคเพื่อโหวตชี้ขาด
ซึ่งเก้าอี้ “หัวหน้าพรรค” ของสองพรรคใหญ่ ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคประชาธิปัตย์” ถือว่ามีความสำคัญ เพราะเกือบ 100% รายชื่อหัวหน้าของแต่ละพรรค จะต้องไปปรากฎเป็น 3 รายชื่อว่าที่นายกฯ ที่แต่ละพรรคจะต้องโชว์ให้กับประชาชนได้เห็นหน้าค่าตา ไว้เป็นจุดขายในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งด้วย
เพราะผลเลือกตั้งในปี 2562 ถือว่ามีเดิมพันสูง ที่จะชี้ขาดอนาคตทางการเมืองของใครหลายคน
ผู้นำบางพรรคอาจไม่ได้ไปต่อ หากยังสะกดคำว่า”ชนะ”ไม่เป็น
ขณะที่ผู้นำอีกพรรคหากทำผลงานได้ทะลุเป้า อาจมีความชอบธรรมได้นั่งถึงเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”
