วิบากกรรม “ทักษิณ”- พปชร.ซุ่มสู้ แพ้เป็นพระ-พท.ชนะเป็นฝ่ายค้าน

  ไฮไลท์การเมืองเปลี่ยน จากแต่เดิมที่สังคมคันยิก อยากรู้ ปฎิทินคืนอำนาจประชาชนที่ชัดเจนแน่นอน แต่เมื่อ“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.คอนเฟิร์มหนักแน่น

เคาะเลือก ล็อกวันเร็วสุด ตามตุ๊กตากกต. ปักหมุดเลือกตั้ง อาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เรื่องวันเลือกตั้ง ก็ไม่ตื่นเต้น เป็นประเด็นอีกต่อไป

แม้อุบัติเหตุ เงื่อนไขแทรกซ้อน อาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็เปอร์เซ็นต์ต่ำยิ่ง เฉพาะหน้ามองไม่เห็นว่า จะมีเรื่องใด เป็นเงื่อนไขทำให้การเลือกตั้งสะดุด ลากยาวอีก ข้ออ้างเรื่องกฎหมายลูกก็มองข้ามช็อตได้ ทุกอย่างราบรื่นลงตัว

เมื่อวันเลือกตั้งชัดถึงเพียงนี้  เรื่องใหม่ ที่สังคม อยากรู้ ต่อไปก็คือ ผลเลือกตั้ง โฉมหน้ารัฐบาลชุดใหม่ และใครจะมาเป็นนายกฯ   “บิ๊กตู่”คัมแบ๊กจริงหรือไม่

Advertisement

ที่ใครต่อใครกระหายข้อมูล และ ติดตามอย่างใกล้ชิด เป็นเรื่องธรรมดาปกติ

การเมืองมันเรื่องผลประโยชน์ กระทบส่วนได้-ส่วนเสีย ความเป็นอยู่ของประชาชนทุกผู้นาม

ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดคอร์ ประเภทแฟนพันธุ์แท้การเมืองเข้าไส้อยู่ในสายเลือด หรืออินโนเซนส์ ไม่ประสีประสา ใครไป ใครมาก็ได้ก็ตาม

อีกด้านอาจเป็นเพราะ ข้อมูลข่าวสารที่หลั่งใหลออกมานั้น ไม่รู้จะเชื่อใครได้บ้าง พรรคการเมือง แต่ละค่าย ก็ปั่นราคาจัง โฆษณาชวนเชื่อ จะกวาดส.ส.จำนวนเท่านั้น เท่านี้ โอ้อวดชนะเลือกตั้ง

แต่ละพรรคมีตัวเลขยืนพื้นของตัวเอง

เพื่อไทยอ้างโพลลับภายใน ขยับลงเล็กน้อยจากเดิม 264 เก้าอี้ แต่ก็ยังรักษาแชมป์เลือกตั้ง ครองที่นั่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่างเอาไว้ได้

บอสใหญ่ดูไบ ทักษิณ ชินวัตร มั่นใจกวาดส.ส.เบาๆ 260 เก้าอี้

ตัวเลขที่ทักษิณบอกผ่านส.ส.ว่าจะกวาดได้ 260 เก้าอี้นี้ เป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับโพลที่อ้างว่าทำอย่างลับๆเป็นการภายใน 264 เก้าอี้

และเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ที่พรรคเพื่อไทยทำได้ 265 เก้าอี้ในปี 2554

ตัวเลขที่ยกมาข่มนี้ จึงไม่ค่อยมีคนเชื่อเท่าใดนัก เนื่องจากไม่ได้สะท้อน ความถดถอย ถูกย่อยสลาย ถูกบีบคั้น กดดันทุกทิศทางเท่าใดนัก

มันเหมือนกับเป็นการเลือกตั้งยามบ้านเมืองปกติมากกว่า ทั้งที่ความจริงที่เห็นอยู่ไม่ใช่แน่นอน

นี่มันเป็นการเลือกตั้ง ที่รัฐบาลคสช.ประกาศจะไม่เสียของ ภายหลังโค่นล้ม ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อปี 2557

ตัวเลข 264 ก็ดีซึ่งหดหายไปแค่เก้าอี้เดียวเทียบกับ 265 ครั้งล่าสุดเลือกตั้งปี54

ตัวเลข 260 ก็ดีที่หดหาย ตกหล่นระหว่างทางร่วม5ปีๆละ 1 คน ไม่สะท้อนวิบากกรรมที่เพื่อไทยกำลังเผชิญ
แต่เพื่อไทยก็ยังมั่นใจ

แม้คู่แข่งสำคัญเปลี่ยนหน้า จากเคยสู้และผูกขาดเอาชนะประชาธิปัตย์

แปรเปลี่ยนมาต้องสู้ชิง ต่อกรกับ พลังประชารัฐ(พปชร.) พรรคใหม่สายตรงขั้วอำนาจ-รัฐบาลคสช. เป็นคสช.ที่ก่อการโค่นล้ม-ปฎิเสธรัฐบาลเพื่อไทย

แต่เพื่อไทยยังมั่นใจ เนื่องจากเป็นสนามถนัด มีจุดขายเรื่องนโยบายเศรษฐกิจเพื่อปากท้อง
โดยมองว่ารัฐบาลคสช.เพลี่ยงพล้ำ

สอบตกบริหารราชการแผ่นดิน ประชาชนได้รับผลกระทบ เดือดร้อนปัญหาปากท้อง
แต่พรรคพลังประชารัฐก็ไม่ธรรมดา!

หนำซ้ำยังพิเศษใส่ไข่ต่างหาก กำลังภายนอก กำลังภายใน ครบมือ

แม่ทัพหลัก ยังคงเป็น เสนาบดี 2 คน ที่รอฤกษ์ เปิดตัวลุยอย่างเป็นทางการ ถือธงนำพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง
“บิ๊กตู่”ก็ยังอยู่ ระยะเวลาอันใกล้นี้ คงประกาศท่าที อนาคตการเมืองที่ชัดเจน

โดยแนวโน้มตอบรับเทียบเชิญนั่งประธานที่ปรึกษา และขึ้นบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีลำดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ มีเปอร์เซ็นมากกว่าปฎิเสธ

ข้อมูลวงใน ก่อนการเปิดตัวหัวหน้า เลขาฯ ประธานที่ปรึกษา
พลังประชารัฐ มั่นใจกวาดที่นั่งส.ส. 100 เก้าอี้

เป็น 100 เก้าอี้ที่ไม่ถึงครึ่งตัวเลขของพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อรวมกับพรรคพันธมิตร-เครือข่ายจัดตั้ง ที่ใช้วิธีดีลลึกจับมือ แทนการลงนามเอ็มโอยู ที่นั่งส.ส.ซีกนี้ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากพอ ส่งเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านได้ไม่ยาก

ภูมิใจไทย ตั้งเป้า 40 เก้าอี้ ชาติไทยพัฒนา 30 เก้าอี้ พรรคกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ 30 ที่นั่ง แค่ 3 พรรคไม่นับเครือข่ายย่อย พรรค 10 คน อีก2-3 พรรค
เท่านี้แต้มฝั่งพลังประชารัฐก็ล้นเหลือ

แต่อย่าเพิ่งทึกทัก เอาที่นั่งที่แต่ละค่ายมโน-เคลมตัวเลขสูงๆ มารวมกัน

แล้วถามว่า ถ้าอย่างนั้น ประชาธิปัตย์พรรคใหญ่อีกพรรคจะเหลือกี่ที่นั่ง 30 ที่นั่ง หรือน้อยกว่านั้น เพราะยังมีพรรคอื่นอีก กระนั้นหรือ

เพราะนี่คืเป้าหมาย ไม่ใช่ผลเลือกตั้งจริงๆ ใครจะเบียดรุกกินที่ใคร เอาเข้าจริงไม่มีใครรู้

แต่ตัวเลขนี้น่าสนใจ พรรคฝั่งขั้วอำนาจนั้น มีเสียงส.ว.รองรังอยู่แล้ว 250 ที่นั่ง

ต้องการอีกแค่ 126 ที่นั่งเท่านั้น ก็ถึงเส้นชัย กึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา 750 คน

ที่จำนวน 376 คน ครองเสียงข้างมาก สามารถล็อกตัวนายกฯได้ทันที

126 เก้าอี้ที่เป็นเป้าหมายนี้ อยู่ที่พลังประชารัฐเป็นหลัก ถ้าได้ส.ส.100คน ก็แค่หาจากพรรคพันธมิตรมาเสริมอีก 26 คนเท่านั้น

ไม่รู้กี่พรรคต่อกี่พรรค ถ้ารวมกันไม่ได้ 26 เก้าอี้ ก็ให้มันรู้ไป

ทั้งหมดทั้งมวล จึงขึ้นอยู่กับพลังประชารัฐจะถึง 100 หรือไม่

หากทำได้ตามเป้า ถึงเพื่อไทยชนะมาอันดับ 1 เสียงสูงสุดในสภาล่าง ชนะมาก ชนะน้อยก็ต้องถอยเป็นฝ่ายค้าน เว้นแต่กวาดส.ส.ไม้เดียวจบ 376 คน ซึ่งเป็นไปได้ยาก จากกติกาที่ถูกสกัด และการต่อสู้รุนแรง ถูกปิดล้อมทุกทาง

เป้าตัวเลข 100 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐนี่แหละ ทำให้การเมืองแรง แข่งเดือดในทุกพื้นที่

ในทางลึกพลังประชารัฐสายลายพราง รุกหนักทุกทิศทาง จังหวัด อีสาน/เหนือ/ภาคกลาง

คำสั่งตรงหน่วยเหนือ หน่วยใต้ ถูกถ่ายทอดผ่านอดีตผู้แทนที่จีบร่วมค่าย
ไม่ว่าจังหวัดไหน แชมป์เก่าเป็นใคร ต้องชนะเท่านั้น

ลึกๆน่าเชื่อได้ว่า พลังประชารัฐมีเป้าหมายใหญ่อยู่ที่ 126 เก้าอี้
เนื่องจากรุกคืบกินแดน กินพื้นที่ของทุกพรรค ไม่เว้นแม้แต่ พรรคพันธมิตร

มือไม้ระดับปฎิบัติ แจ้งพรรคพันธมิตร เครือข่าย ว่า การเป็นพันธมิตรกันนั้น เป็นการจับมือในยุทธศาสตร์ใหญ่เท่านั้น
เมื่อเลือกตั้งแล้วมาผนึกเสียงรวมกัน

แต่ในสนามเลือกตั้ง ไม่มีรายการเกี้ยเซี้ย ออมมือให้กัน

พรรคพันธมิตรเอง นอกจากต้องสู้กับทักษิณ-เพื่อไทยแล้ว ยังถูกตีขนาบ-สู้กับพลังประชารัฐอีกด้วย
ที่เห็นนำร่อง ฟัดเดือด ปะทุหลายจังหวัดในขณะนี้ ไม่ใช่ละครตบตา

แต่เป็นของจริง เพราะต่างคนต่างก็ยอมไม่ได้ ยอมไม่ได้เพื่อไทยไม่พอ ยังยอมแพ้พลังประชารัฐไม่ได้ด้วย

หากพรรคสายแข็งได้ส.ส.มาก อำนาจต่อรองพรรคพันธมิตร เครือข่าย ก็จะลดน้อยถอยลง ส่งผลต่อการร่วมรัฐบาล ส่งผลต่อโควต้า-เก้าอี้รัฐมนตรีเกรดกระทรวง

ยุทธศาสตร์ในพื้นที่ของพลังประชารัฐ จะถูกหรือไม่ ไม่มีใครรู้ ที่ได้ไล่บี้เพื่อไทยไม่พอ
ยังยืนกรานไม่เว้นที่ให้พรรคพันธมิตรอีกต่างหาก

การเดินเกมแบบนี้ ด้านหนึ่งเป็นภาพสะท้อน ของการไม่ไว้วางใจใครเท่าใดนัก พลังประชารัฐ ไม่ต้องการยืมจมูกพรรคอื่นหายใจ

เป้าหมาย 100 นั้นคงเป็นขั้นต่ำ แต่เพดานที่ต้องการไต่ไปให้ถึงน่าจะเป็น 126 เก้าอี้อัพ
ที่น่าสนใจมากกว่านั้น ในอีกขั้นเลเวล อีกประการคือ

พลังประชารัฐมีของดี ไพ่เด็ดอะไร ถึงได้คิดเอาชนะทุกจังหวัดใหญ่ กินรวบพื้นภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง
ลองว่าคิดการใหญ่ มั่นใจขนาดนี้

พลังประชารัฐคงมีวิธี เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เอาชนะเลือกตั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image