จาก “บิ๊กจ๊อด” ถึง “บิ๊กแดง” ประชาธิปไตยบนปลายกระบอกปืน

ผมไม่ได้คาดหวังและเชื่อว่าคำตอบของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย

เมื่อท่านไม่ยืนยันว่า ประเทศจะหลุดพ้นจากการปฎิวัติอีกหรือไม่ เพราะยื่นเงื่อนไขที่จะเกิดการปฎิวัติอีกครั้ง คือ การเมืองอย่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจลก็ไม่มีอะไร

ผมไม่ใช่คนเดือนตุลาฯ แต่หากมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์การเมืองของคนเดือนพฤษภาฯ โดยเฉพาะการปฎิวัติเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ของคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง

นำโดย “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผบ.สส. พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผบ.ทบ. และ พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล ผบ.ทอ. ทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น

Advertisement

การรัฐประหารในครั้งนั้น “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ในฐานะนายทหารที่อาวุโสสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ หรือ รสช.

หลังจากนั้นเพียง 1 ปี ระหว่างวันที่ 17-24 พ.ค. 2535 เหตุการณ์บ้านเมืองบานปลายเกิดเหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” เกิดการลุกฮือของประชาชนออกมาประท้วงรัฐบาล นับเป็นครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย

เพราะเงื่อนปม “บิ๊กสุ -พล.อ.สุจินดา”ตระบัดสัตย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี หลังเคยประกาศตัวชัดเจนว่า จะไม่สืบทอดอำนาจ จะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
จนกลายเป็นวลีเด็ด “เสียสัตย์เพื่อชาติ”

Advertisement

การชุมนุมภายใต้เงื่อนไข การอดอาหารของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ลุกลามจนเกิดการปะทะระหว่างประชาชนและทหาร มีรายงานว่าความรุนแรงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีประชาชนเสียชีวิต 40 คน และบาดเจ็บกว่า 600 คน แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว คนตาย คนเจ็บ และผู้สูญหายยังหาตัวเลขที่แท้จริงไม่พบ
แต่สุดท้าย “บิ๊กสุ” ต้องประกาศลาออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เหตุการณ์จึงสงบลง

ความสูญเสียในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬในวันนั้น จึงมีเสียงร่ำร้องให้มีการปฎิรูปการเมืองและมีพัฒนาการมาสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 40 ที่หลายๆคนบอกว่า คือ รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดฉบับหนึ่งของไทย จนผมเชื่อว่าการปฎิวัติครั้งนั้น คือครั้งสุดท้ายของประเทศไทย

แต่วัฎจักรการเมืองไทยหลังประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญปี 40 พรรคการเมืองมีความเข็มแข็ง สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับการปกป้อง ประเทศพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในทุกๆด้าน

การเมืองไทยเหมือนกิ้งกือตกท่อ ประเทศต้องกลับมาเดินในวังวนการปกครองด้วยเผด็จการทหาร เกิดการรัฐประหารขึ้นอีก 2 ครั้ง คือ 19 กันยายน 2549 นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และล่าสุด การรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

คำพูดของ “บิ๊กแดง” ที่ไม่การันตีว่าประเทศนี้จะไม่มีการปฎิวัติ สำหรับผมคงไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ เหมือนที่ “จาตุรนต์ ฉายแสง” แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่า ถือเป็นทัศนคติที่ต่ำกว่ามาตรฐานของ ผบ.ทบ.คนอื่นๆ เพราะการไม่รับปากว่าจะไม่ทำรัฐประหาร

แต่ขอใช้คำพูดของ “วราวุธ ศิลปอาชา” แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ที่บอกว่า กว่า 4 ปีจนถึงปัจจุบัน นักการเมืองได้เรียนรู้และเชื่อว่าจะไม่สร้างเงื่อนไขความวุ่นวายทางการเมือง เชื่อว่าฝ่ายการเมืองจะไม่ทำให้เกิดขึ้น

สำหรับทัศนะของ “บิ๊กแดง”ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ชาวโลกรู้ว่า ณ วันนี้ประเทศไทยยังคงเดินย่ำอยู่กับที่ ปลดเปลื้องประเทศออกจากอำนาจปลายกระบอกปืนไม่ได้เสียที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image