อย่า “แหกตา” ผู้บริโภค ด้วยร่างประกาศฯ จำกัดใช้ 3 สารเคมี

แม้ว่า “ร่างประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการจำกัดการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช 3 ชนิด ได้เแก่ พาราควอต ไกลโฟเซต และ คลอร์ไพริฟอส ที่ “คณะกรรมการวัตถุอันตราย” มีมติให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยกร่างขึ้น ยังไม่มีผลบังคับใช้

แต่จากเนื้อหาที่เผยแพร่ ก็พอจะมองเห็น “สาระสำคัญ” ว่าเน้น “จำกัด” การใช้ และการเข้าถึงทั้ง คนซื้อ คนขาย ร้านค้า คนนำไปใช้ คนรับจ้างพ่น และรวมไปถึงผู้ผลิต ผู้นำเข้า ที่ต้องขออนุญาตพิเศษ หากจำหน่ายต้องจัดพื้นที่วางขายแยกจากวัตถุอันตรายชนิดอื่นๆ ให้เห็นชัดเจน ต้องผ่านการอบรม และแม้จะผ่านการอบมรมก็ยังต้องอบรมต่อเนื่องทุก 2 ปี นอกเหนือจากการอบรมผู้ควบคุมการขายวัตถุอันตรายทุก 5 ปี ที่ร้านค้าต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ

อีกทั้งเมื่อจะซื้อ เกษตรกรต้องระบุขนาดพื้นที่ปลูก ซื้อได้ตามขนาดพื้นที่ปลูก ห้ามซื้อเกิน ถ้าไม่อบรม เกษตรกรห้ามซื้อ ห้ามนำมาใช้ ร้านค้าห้ามขาย และต้องนำสารเหล่านี้ออกจากชั้นวางสินค้า แต่มีข้อยกเว้นให้กับหน่วยงานราชการ
เท่ากับว่า ไม่สามารถซื้อขายกันได้ง่ายๆ อีกต่อไป

ที่สำคัญ กำหนดให้พาราควอต และ ไกลโฟเซต ซึ่งเป็นสารกำจัดวัชพืช ใช้ได้กับพืช 6 ชนิด คือ อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผล ที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น ส่วนคลอร์ไพริฟอส สารกำจัดแมลงศัตรูพืช ให้ใช้ได้เฉพาะไม้ผล ไม้ดอก และพืชไร่
และสารทั้ง 3 ชนิด ห้ามนำไปใช้ในแปลงปลูกผัก พืชสมุนไพร พื้นที่ต้นน้ำ และพื้นที่สาธารณะ

Advertisement

ในส่วนของการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย กำหนดให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น คือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ปลัดองค์การ
บริหารส่วนตำบล (อบต.) มีอำนาจตรวจสอบการใช้ หากพบผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา

หากร่างประกาศฯ ฉบับนี้ ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะมีผลบังคับใช้ในเวลา 90 วัน หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
แต่ก็ยังน่าห่วงว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรอยู่ราว 20 ล้านรายเศษ ร้านจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรอีก 20,000 แห่ง การอบรมให้หมดภายใน 2 ปี อาจจะเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก

นอกจากนี้ การกำหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นพนักงานท้องถิ่นทำหน้าที่ตรวจสอบ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นผู้ที่มีองค์ความรู้ด้านสารเคมี ด้านเกษตรกรรม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ถูกแทรกแซง ไม่เลือกปฏิบัติ

Advertisement

คณะกรรมการวัตถุอันตรายจะพิจารณาและเห็นชอบกับร่างประกาศฯ ฉบับนี้อย่างไร คงต้อง “ลุ้น” กันอีกยก
แต่ขออย่า “แหกตา” ผู้บริโภคด้วยร่างประกาศฯ ฉบับนี้ ก็พอ!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image