| ที่มา | นิวส์รูมวิเหคราะห์ |
|---|---|
| ผู้เขียน | สุรพล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา |
เริ่มแล้ว งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561
ถือเป็นงานมอเตอร์โชว์หลักในบ้านเราอีกงาน ทำให้เห็นทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในบ้านเราว่าจะมีทิศทางและแนวโน้มไปในทางใด
ล่าสุดเกิดความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ครั้งสำคัญ นั่นคือการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ
แม้ว่านิสสันจะพูดเรื่องการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรามานานหลายปี ตั้งแต่ นิสสัน ลีฟ รุ่นแรก จนล่าสุดเป็นรุ่นที่สองแล้วรวมยอดขายทั่วโลกกว่า 3 แสนคัน
แต่กว่าจะมีโอกาสเปิดตัว เปิดราคาขาย ในเมืองไทย นั่นหมายความว่าจะเริ่มทำตลาดอย่างเป็นทางการแล้ว
ใช้เวลาเจรจากันหลายปี ทั้งกับภาครัฐเอง เพื่อให้แน่ใจว่าหากทำตลาดแล้วจะไม่ล้มเหลว
เพราะการคิดภาษีจะต้องสามารถแข่งขันได้ ในตลาดเมืองไทยที่ยังให้เครดิตเทคโนโลยีไฮบริดเป็นหลัก
เพราะค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อื่นๆ ยังคงพยายามนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริด เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนไปถึงยุคแห่งรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
ในฐานะนิสสันถือว่าเป็นค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อีกราย เมื่อตัดสินใจเคาะราคารถยนต์เทคโนโลยีใหม่ แสดงว่ามีความพร้อมเต็มที่แล้ว
ทั้งการให้ข้อมูลลูกค้ามั่นใจว่า รถยนต์มีคุณภาพ ปลอดภัย ชาร์จไฟได้สะดวก เพราะต้องขายจำนวนมาก ไม่ใช่ขายแค่หลักสิบเหมือนผู้นำเข้า หรือผู้ประกอบการรายเล็กๆ จึงเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้ทราบว่า เอกชนพร้อมแล้ว สำหรับการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าเป็นทิศทางที่สำคัญที่ทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าไป
ดังนั้นจึงมีคำถามไปถึงภาครัฐว่าพร้อมแค่ไหน เพื่อเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจังภาครัฐน่าจะต้องเหยียบคันเร่งตามเอกชนให้ทันเพื่อเดินหน้าสู่โจทย์ใหญ่คือ รถยนต์ไฟฟ้าเป็นทิศทางของโลก เพื่อการลดใช้พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม
แม้ว่าราคาขณะนี้นิสสัน ลีฟ ยังค่อนข้างสูง คันละ 1.99 ล้านบาท แต่หากเข้าใจโจทย์ว่า ต้องอาศัยโอกาสนี้ ชิงจังหวะ เพื่อรักษาความเป็นฮับ หรือศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของโลกไว้ที่เมืองไทยต่อไป
เหมือนกับที่เราทำสำเร็จมาแล้วจาก รถกระบะ และ รถเก๋งเล็กในนาม อีโคคาร์
ถ้าพรรคการเมืองไหน ใครมีนโยบายเรื่องนี้ชัดเจน ประกาศออกมาว่าเลย ว่าจะเร่งปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ให้แต้มต่อในระดับที่เหมาะสม เพื่อจูงใจให้ค่ายรถเปิดสายการผลิตในประเทศไทย
ในจังหวะที่คู่แข่งในอาเซียน ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ยังลังเลอยู่ตอนนี้
น่าจะเป็นจังหวะที่ดี
และที่สำคัญ ต้องจี้ให้หน่วยงานรัฐเร่งผนึกกำลังกันสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า อย่างเต็มกำลัง
ทั้งในเรื่องระบบการชาร์จไฟ เรื่องภาษีจะต้องทำให้ถูกลงกว่านี้ จะทำให้คนไทยมีโอกาสสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
เพราะเดี๋ยวนี้บรรดาค่ายรถ จะมีรถยนต์ประเภทนี้เพิ่มขึ้นกันมาเรื่อยๆ ถือเป็นการมองไปข้างหน้า เพื่อรักษาความเป็นฮับ ด้านรถยนต์ไว้ให้คงอยู่ต่อไป พรรคการเมืองต่างๆ ใครมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ชี้ออกมาให้เห็นกันเลย ประชาชนจะได้เลือกถูก
