จาก รธน.60 ถึงบัตรเลือกตั้งไร้โลโก้-ชื่อพรรค ‘ดีไซน์มาเพื่อเรา’ สู่เป้ากลับเป็นรัฐบาล

ไทม์ไลน์โรดแมปเลือกตั้ง ส.ส. มีความชัดเจนขึ้นเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม

เมื่อที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมกับตัวแทนพรรคการเมืองทั้ง 75 พรรค ที่มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.นั่งหัวโต๊ะ แจงกรอบระยะนับถอยหลังเข้าสู่วันเลือกตั้งทั่วไป ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แบบที่ตัดเหตุปัจจัยให้ต้องเลื่อนกาบัตรไปเกือบหมด ทั้งระยะเวลาสังกัดพรรค 90 วัน ที่มีกระแสข่าวมาว่า อาจมีใบสั่งให้แก้กฎหมาย ปรับสเปคของผู้สมัคร ส.ส.ที่จะต้องสังกัดพรรคเพียง 30 วัน เพื่อเปิดทางให้มี “ดีล” ครั้งใหญ่กับอดีตส.ส. ให้ได้ย้ายพรรค เปลี่ยนสังกัดกันอีกครั้ง

แต่เมื่อ คสช.วางกรอบให้ พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง ส.ส.มีผลในวันที่ 2 มกราคม 62 พร้อมกับสตาร์ตหาเสียงเลือกตั้ง นับถึงช่วงเวลา 18.00 น.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 62 ก่อนที่จะกาบัตรเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 62 วันหาเสียงจะอยู่ที่ตัวเลขกลมๆ ที่ 53 วัน สำหรับการหาเสียงของแต่พรรค

แม้วันหาเสียงจะมี 53 วัน แต่ที่พรรคการเมืองที่อยู่ในสถานะคู่แข่งกับ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หวั่นวิตก นั่นคือ ทั้งกฎและกติกา ไม่ว่าจะรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก ระเบียบปฏิบัติของ กกต. ล้วนหนีไม่พ้นข้อครหา “ดีไซน์มาเพื่อเรา” ยิ่งมาเจอกับไอเดียของหัวหน้าคสช. ที่ให้ กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้งมีแค่ชื่อผู้สมัคร ส.ส. ไม่ต้องมีโลโก้และชื่อพรรค ล้วนสร้างปัญหาใหญ่ให้กับพรรคเก่า ลำพังแค่ระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมที่ใช้บัตรใบเดียวเลือกทั้งทั้ง ส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังแก้เกมกันไม่ตก

Advertisement

ในทางการเมืองต่างมองกันออกว่า บัตรเลือกตั้งที่ไร้โลโก้พรรคมุ่งเป้าทำให้พรรคเก่าเจอกับสภาพบัตรเสียเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อคะแนนที่จะนำไปคำนวนเก้าอี้ ส.ส.ของแต่ละพรรค ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งตัวเลขเก้าอี้ ส.ส.โดยรวมที่จะมีผลต่อการรวบรวมเสียงทั้งการจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเลือกนายกฯ

แน่นอนโจทย์ที่แต่ละฝ่ายจะต้องไปแก้เกมสู้ศึกเลือกตั้ง 62 ฝั่งของพรรคเพื่อไทยและพันธมิตร หลังปิดหีบนับคะแนน คำตอบสุดท้ายต้องไม่ต่ำกว่า 250 เสียง เพื่อให้ได้สิทธิแรกในการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนพรรคพลังประชารัฐก็มีโจทย์ที่จะต้องได้ ส.ส. แม้จะไม่ถึงขั้นชนะพรรคเพื่อไทย แต่ก็ควรมีเสียงส.ส.ในมือที่จะไปรวมกับพรรคแนวร่วมที่ไม่ต่ำกว่า 250 เสียง หรือจะเอาที่ปลอดภัยในการเป็นรัฐบาล ก็ควรไม่ต่ำกว่า 300 เสียงบวก-ลบ

Advertisement

ส่วนฝ่ายไหนจะเข้าป้ายคว้าชัยชนะ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 52,457,576 คน จะเป็นผู้ชี้ขาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image