ปฏิเสธสังเกตการณ์เลือกตั้ง No’ฟรีแอนด์แฟร์’ นั่งปธ.อาเซียนสง่าหรือ?

ท่าทีค้านหัวชนฝาของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ให้องค์กรระหว่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์ 24 กุมภาพันธ์ 2562

ยิ่งทำให้เคลือบแคลง ว่าในเมื่อไทยจะเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว โดย”การเลือกตั้ง”เป็นเครื่องมือที่จะนำไปสู่เป้าหมาย

แล้วทำไมรัฐบาลคสช.ถึงไม่ไฟเขียวให้มีการสังเกตการณ์เลือกตั้ง ???

นายดอนบอกว่า “ประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ไม่มีต่างประเทศเข้ามาเกาะติดเรื่องบ้านเมืองเขา ดังนั้นถ้าเกิดต่างชาติเข้ามาติดตามการเลือกตั้งในไทย แสดงว่าประเทศไทยยังมีปัญหา

Advertisement

ถามว่าเราอยากให้บ้านเมืองเรามีปัญหาหรือ แม้ตอนนี้จะมีรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร แต่เราจัดการเองได้ ลำพังเจ้าหน้าที่สถานทูตในประเทศไทย นั่นก็มีชาวต่างชาติมาสังเกตการณ์เกือบ 100 คนแล้ว ยิ่งเมื่อบวกกับคนไทยที่เป็นผู้สังเกตการณ์ด้วย ก็ถือว่าเพียงพอ”

นั่นคือคำชี้แจงของรัฐมนตรีบัวแก้ว

สำทับคำพูดก่อนหน้านี้ ของเจ้าตัวที่เคยบอกว่า “การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นถือเป็นการนับหนึ่งใหม่ การดูแลปกครองตัวเองที่ยังต้องให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์ จึงไม่เป็นมงคลของการเริ่มต้นใหม่ ที่ผ่านมาการเลือกตั้งที่ถูกต่างประเทศเข้ามาสังเกตการณ์จะเกิดกับประเทศที่มีปัญหา สำหรับไทยเป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรี คงไม่อยากถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีปัญหา”

ตอกย้ำท่าทีผู้นำคสช.จากปากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่หงายไพ่เป็นนักการเมืองเต็มตัว และคาดหมายกันจะได้รับการเสนอชื่อเป็นายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ

“บิ๊กตู่”โยนเรื่องสังเกตการณ์เลือกตั้งให้เป็นเรื่องกกต.

พร้อมระบุว่า “ประเทศไทยต้องแก้ปัญหาของเราเองให้ได้ และต้องให้เกิดความโปร่งใส แสดงความเชื่อมั่นให้เขาดู …ต้องแสดงความร่วมมือของเราให้เขาเชื่อมั่นให้ได้ อยู่ที่พวกเราทุกคน”

ท่าทีของนายดอน และผู้นำรัฐบาลคสช. เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ท่ามกลางการตั้งคำถามของนักการเมืองพรรคต่างๆ ที่เห็นสวนทาง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า หากรัฐบาลอำนวยความสะดวกให้จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าการเลือกตั้งมีความสุจริตและเที่ยงธรรม เป็นผลดีต่อประเทศ

“รัฐบาลไม่น่ากังวลถ้าคิดว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม องค์กรระหว่างประเทศไม่สามารถแทรกแซงได้ เแค่มาสังเกตการณ์ว่าการเลือกตั้งเป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตยหรือไม่”

สอดรับกับกุนซือ “เดอะมาร์ค” นายองอาจ คล้ายไพบูลย์ ที่บอกว่า ถ้ามั่นใจว่าการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม ไม่มีเหตุผลอะไรไปห้าม การที่รัฐบาลมีท่าทีห้ามปรามต่างชาติเช่นนี้ ยิ่งทำให้เกิดความสงสัยข้อครหานินทาว่ามีลับลมคมใน ไม่ชอบมาพากลอะไรเกิดขึ้นหรือไม่

พร้อมถามกันตรงๆว่า ถ้าผู้มีอำนาจและรัฐบาลไม่คิดทุจริตเลือกตั้ง จะไปกลัวอะไร?

ไม่แพ้ ‘เดอะอ๋อย’ จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ ย้อนศร”บิ๊กตู่”ด้วยโพสต์ทวิตเตอร์ว่า อย่างเผ็ดร้อน “ขอยืมคำพูด พล.อ.ประยุทธ์มาใช้หน่อยเถอะครับ ถ้าไม่คิดจะโกงการเลือกตั้ง จะกลัวต่างชาติมาสังเกตการณ์การเลือกตั้งไปทำไมครับ เปิดเต็มที่ไปเลย”

ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสตอนนี้คนเริ่มมีคำถามถึงความเป็นกลาง ของกกต. แล้วตั้งแต่ ประกาศแบ่งเขตเลือกตั้ง 350 เขต ตามด้วย ความไม่ชัดเจนบัตรเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะตัดโลโก้และชื่อพรรคการเมือง กว่ากกต.จะมีมติให้มีทั้งสองอย่างในบัตรเลือกตั้ง ยื้ออยู่นาน ทั้งหมดสร้างความแคลงใจให้กับประชาชน

เพราะฉะนั้นกกต.ต้องทำอย่างไรให้สังคมยอมรับ สะท้อนความต้องการประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อไม่ให้ผลการเลือกตั้งที่ออกมามีปัญหา

อย่าลืมว่า ปีหน้าผู้นำไทยจะนั่งประธานอาเซียน ดังนั้นถ้าเปิดให้ต่างประเทศเห็นว่าไทยจัดการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส พร้อมเดินสู่ประชาธิปไตย ยิ่งจะทำให้เกิดความสง่างาม ได้รับการยอมรับจากเวทีนานาชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image