นิวส์รูมวิเคราะห์ : ศึกรุ่นใหญ่ ‘ประภัตร-จองชัย’ หลังสิ้นบารมี ‘มังกรเติ้ง’

สนามเลือกตั้งสุพรรณบุรีเปรียบเสมือนเมืองหลวงของพรรคชาติไทย หรือ ชาติไทยพัฒนา มาจนถึงทุกวันนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะรวบรวมความเป็นปึกแผ่นได้
นั้นก็เพราะบารมีของ”บรรหาร ศิลปอาชา” ฉายามังกรเติ้ง-มังกรสุพรรณ ที่ใช้ศาสตร์และศิลป์ผสมผสานหล่อหลอมให้ 4 ตระกูลการเมือง”ศิลปอาชา-ประเสริฐสุวรรณ-โพธสุธน-เที่ยงธรรม”กลายเป็นหนึ่งเดียว อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ไม่ต้องห่ำหั่นในสนามเลือกตั้งให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเจ็บตัว

แต่ภายใต้ทะเลที่สงบเงียบนั้นก็กลับแฝงไว้ด้วยคลื่นใต้น้ำ ความขัดแย้งบาดหมางอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะระหว่างนักการเมืองรุ่นเก๋า “ประภัตร โพธสุธน-จองชัย เที่ยงธรรม”
ที่ผ่านมา “มังกรเติ้ง”มักจัดสรรปันส่วนได้อย่างลงตัว ปล่อยให้ตระกูลโพธสุธน สร้างฐานการเมืองในพื้นที่อ.ศรีประจันต์ ขณะที่ ตระกูลเที่ยงธรรม ก็ลงหลักปักฐานที่อ.เดิมบางนางบวช
การเลือกตั้งครั้งก่อนๆ”ป๋าเติ้ง”จัดลำดับระบบปาร์ตี้ลิสต์ “ประภัตร-จองชัย” ต้องติดกันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ส่วนทายาทการเมืองก็ลงส.ส.เขตในฐานการเมืองพื้นที่ใครพื้นที่มัน
แต่หลังจากสิ้นบุญ “มังกรสุพรรณ” บารมีของ”ศิลปอาชา”ที่เคยผสมผสานสุพรรณบุรีอย่างลงตัวก็เริ่มจางลง เกิดรอยปริร้าวบานปลายกลายเป็นศึก 2 ตระกูลใหญ่

ศึกครั้งนี้เริ่มปะทุหลังจาก “จองชัย เที่ยงธรรม”เคยเปรยๆมาครั้งหนึ่งระหว่างขึ้นกล่าวในงานพิธีมงคลสมรสบุตรสาวกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ว่า “ขณะนี้ผมอายุ 75 ปี คิดจะวางมือทางการเมือง คิดจะเป็นพี่เลี้ยงส่งไม้ต่อให้ลูกชาย เจริญเติบโตทางการเมือง ขณะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจมาลงการเมืองอีกครั้ง”

พร้อมกับพูดโพล่งออกมาว่า “ขณะนี้ครอบครัวเที่ยงธรรมกำลังถูกรังแก นิสัยผมโกหกไม่เป็น ปากกับใจตรงกัน ไม่ใช่ไก่ 3 อย่าง หรือ ภาษานักเลงเขาบอกว่าถ้าคนถูกเรียกไก่ 3 อย่าง คือ พูดอย่าง คิดอย่าง ทำอย่าง ฉะนั้นให้คิดดูเอาว่าจะเอาพวกนี้มาเป็นผู้แทนของท่านหรือไม่”
ในที่สุด”จองชัย”ก็ประกาศศึก ไขก๊อกจากชาติไทยพัฒนา เตรียมลงสมัครส.ส.เขต 3 สุพรรณบุรี ในนามพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นความตั้งใจที่จะชนช้างกับ “ประภัตร”เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา เจ้าของพื้นที่

Advertisement

ศึกนี้ถูกขยายความจาก”เสี่ยตือ”-สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ได้ย้ายค่ายพร้อมทายาทไปอยู่พรรคภูมิใจไทยว่า เดิมตระกูลโพธสุธนที่เดิมอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา 3 คน คือ นายประภัตร นายยุทธนา และนางพัชรี กลับมายืนยันเพียงแค่นางพัชรี อดีตส.ส.สุพรรณบุรี หลานสาวนายประภัตรเท่านั้น จนกระทั่งในท้ายที่สุดก็มีนายประภัตร มาเพิ่มอีก 1 คน โดยที่นายยุทธนา หลานชายไม่มา ระหว่างนั้นก็มีข่าวออกมาเป็นระยะๆนายยุทธนา อาจจะไปอยู่พลังประชารัฐต่อมา ไม่นานก็ปรากฏว่า นายยุทธนากลับไปเป็นเปิดตัวจริงๆ
“เมื่อถึงจุดหนึ่งนายจองชัยก็คุยกับผมว่า เขากำลังเล่นอะไร ทำไมนายยุทธนายังจะลงเลือกตั้งเขต 4 เหมือนกับนายเสมอกัน ลูกชายนายจองชัย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นายประภัตรก็ยืนยันว่าจะไม่ให้นายยุทธนาลงอย่างเด็ดขาด แต่นายจองชัยก็หารือกับผมว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ก็ไม่ชอบมาพากลแล้ว ท่านก็เลยพูดกับผมว่า เดี๋ยวจะไปสมัครสมาชิกภูมิใจไทยเผื่อไว้ หากว่า นายประภัตร ห้ามหลานลงเขต 4 ไม่ได้อย่างที่รับปากกันไว้ ก็ถือว่ารังแกกัน รังแกลูกเขา เพราะนายเสมอกันลงในนามชาติไทยพัฒนา แต่นายประภัตร เป็นถึงเลขาธิการ เป็นเบอร์ 2 ของพรรค แล้วหลานชาย ซึ่งหากเป็นคนอื่นก็ว่า ไปอย่าง แต่นายยุทธนา เป็นหลานชายที่อยู่บ้านเดียวกัน และทุกคนก็รู้ว่านายยุทธนา ถือเป็นหลานที่สนิทแนบแน่นกันสั่งได้ ”

“นายยุทธนาไปพบปะบรรดาหัวคะแนนในพื้นที่อยู่ตลอด จึงทำให้นายจองชัยไม่พอใจ จึงไปสมัครสมาชิกภูมิใจไทย หลังจากที่นายยุทธนาได้ไปเปิดตัวกับพลังประชารัฐแล้ว เพราะนี่ถือว่า นายยุทธนา เจตนาลงแข่งกับนายเสมอกัน ลูกชายนายจองชัย พี่จองชัยก็บอกว่า มาทำแบบนี้ เขาทนไม่ได้หรอกที่เห็นลูกชายถูกรังแก จึงต้องลงแข่งกับนายประภัตรในเขต 3 กันไว้ไม่ให้โพธสุธนถาโถมเข้ามาสู้ในเขต 4 ได้อย่างเต็มที่เพื่อจะได้กลับไประวังในพื้นที่ตนเองในเขต 3 ที่ต้องสู้กับนายจองชัยนั่นเอง”

ศึกรุ่นใหญ่ครั้งนี้นอกจากทำให้สนามเลือกตั้งสุพรรณบุรีถูกปลุกขึ้นมาเดือดอีกครั้ง ยังสะเทือนถึงพรรคชาติไทยพัฒนาในวันที่ไร้หัวเรือใหญ่ บารมีของศิลปอาชาถูกท้าทายจากศึกในและศึกนอก จ.สุพรรณบุรีกำลังถูกสั่นคลอน อาจไม่ได้เป็นเมืองหลวงของชาติไทยพัฒนาเหมือนสมัยที่ “ป๋าเติ้ง”ยิ่งใหญ่ พร้อมเผยจุดอ่อนให้ข้าศึกศัตรูเจาะพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ตระกูล”ศิลปอาชา” หากประมาทอาจถูกเขี่ยพ้นสนามเลือกตั้งก็เป็นได้ ….

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image