| ผู้เขียน | วรรณมณี บัวเทศ |
|---|
ช่วงโค้งสุดท้ายพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สถานการณ์ที่หัวตารางยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น และยังฟันธงไม่ได้ว่าที่สุดแล้วทีมไหนจะเข้าป้าย
ในทางทฤษฎีหลายทีมอาจจะยังมีลุ้น แต่ในทางปฏิบัติก็มีแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ที่ต้องเบียดแย่งกัน
หลังตกเป็นรองมาตั้งแต่เดือนธันวาคม บางช่วงเคยตามห่างถึง 10 แต้ม ในที่สุดเรือใบสีฟ้าก็พลิกสถานการณ์กลับขึ้นมานำหงส์แดง 1 แต้ม เมื่อผ่านพ้นสัปดาห์ที่ 29
นัดล่าสุดเมื่อคืนวันเสาร์ เรือใบสีฟ้ามาเก็บชัยทำแต้มขยับหนีไปเป็น 4 คะแนน หงส์แดงที่จะเปิดบ้านรับ เบิร์นลีย์ คืนวันอาทิตย์ จึงเจอกับแรงกดดันให้ต้องเก็บชัยให้ได้เพื่อไม่ให้โดนทิ้งห่างไปเรื่อยๆ
ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างเป็นใจให้แชมป์เก่า เพราะเตะก่อน ถ้าชนะก็ทำแต้มหนีกดดันอีกฝ่ายก่อน
ที่น่าจับตามองคือสัปดาห์หน้าซึ่งซิตี้มีคิวต้องเตะถ้วยเอฟเอคัพ รอบก่อนรองชนะเลิศกับ สวอนซี คืนวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม ขณะที่ทีมอื่นๆ เตะเกมลีกกัน ทำให้จำนวนนัดของซิตี้จะตามหลังลิเวอร์พูลทันที
ยกเว้นแต่ว่าเรือใบจะขยับโปรแกรมเตะนัดไหนไปช่วงกลางสัปดาห์เพื่อให้จำนวนนัดกลับมาเท่ากันอีกครั้ง เหมือนกับกรณีเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ในนัดกลางสัปดาห์เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งแฟนหงส์หลายคนบ่นอุบว่าเป็น “ทฤษฎีสมคบคิด” ระหว่างคู่แข่งแย่งแชมป์กับคู่ปรับร่วมย่านเมอร์ซีย์ไซด์ที่ให้ซิตี้ได้เตะล่วงหน้า 1 นัด เพื่อทำแต้มกดดันลิเวอร์พูล
จะอย่างไรก็แล้วแต่ เวลานี้สถานการณ์ไม่เป็นใจให้ลิเวอร์พูลนัก ยิ่งผลงานในช่วงหลังๆ เน้นไปทางเสมอพอๆ กับชนะ ทำให้แต้มหลุดมือไปหลายนัด
กองหน้าหงส์แดงประสบปัญหาฟอร์มวูบวาบ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ส่วนกองหลังบางคนเพิ่งหายเจ็บกลับมาช่วยทีมได้ โดยกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ โดนวิจารณ์ไม่น้อยว่าวางแผนพลาดหรือไม่ที่ไม่ยอมเสริมผู้เล่นฉุกเฉินช่วงเปิดตลาดปีใหม่ แถมยังส่งแนวรับสำรองอย่าง นาธาเนียล ไคลน์ ให้ทีมอื่นยืมตัว ทั้งที่ขุมกำลังของหงส์มีน้อยอยู่แล้ว และยังเป็นรองอยู่มากเมื่อเทียบกับซิตี้
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โชคดีกว่าที่ตัวเลือกทั้งตำแหน่งตัวจริงและตัวสำรองของซิตี้มีฝีเท้าค่อนข้างสูสีกัน ใครมีปัญหาบาดเจ็บก็สามารถปรับแผนวางตัวผู้เล่นทดแทนกันได้ แต่ลิเวอร์พูลยังไม่ไปถึงขั้นนั้น
พอผลงานในสนามเริ่มแกว่งถึงขั้นโดนเบียดร่วงจ่าฝูงย่อมส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของทั้งนักเตะ โค้ช และแฟนบอล ยิ่งช่วงหลังคล็อปป์โดนสื่อจี้ถามเรื่องแมนฯซิตี้บ่อยจนไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ยิ่งสื่อถึงความไม่มั่นคงทางอารมณ์อยู่เนืองๆ
กูรูลูกหนังบางคนแนะนำถึงขั้นว่า หงส์แดงควรยอมทิ้งถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งยังเหลืออีกหลายรอบ เพื่อพุ่งสมาธิและใช้สรรพกำลังทั้งหมดที่มีไปกับการลุ้นแชมป์ลีกเพียงอย่างเดียว ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างเสี่ยงแต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมต้องทำ
สถานการณ์เวลานี้ เรื่องแท็กติกในสนามยังไม่มีอิทธิพลกับฟอร์มการเล่นเท่ากับเรื่องจิตใจ ถ้าโค้ชหรือแข้งหงส์ยังไม่สามารถรวบรวมสมาธิตั้งหลักกลับมามุ่งมั่นกับการเก็บชัยแบบไม่พะวงกับแมนฯซิตี้หรือหลอนกับความรู้สึกผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีตโดยเร็ว
เกรงว่าแชมป์ลีกสูงสุดที่รอคอยมา 29 ปี อาจต้องยืดเวลาออกไปอีกก็เป็นได้!
