| ผู้เขียน | ทรงพร ศรีสุวรรณ |
|---|
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. บริหารจัดการประเทศมาเกือบ 5 ปี
มีการเขียนกติกาการเลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะการกำหนดให้มี ส.ว.250 คน และให้อำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส.
ทำให้คนกันเองถึงกับบอกว่า รัฐธรรมนูญดีไซน์มาเพื่อพวกเรา
นอกจากนี้ ยังมีโครงการและนโยบายต่างๆ มากมาย ซึ่งบางเรื่องบางโครงการถูกวิจารณ์ว่า เป็น “ประชานิยม”
มีการเซตซีโรสมาชิกพรรคการเมือง ที่ถูกครหาว่า เป็นการเอื้อพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
อดีต ส.ส.หลายคนจากหลายพรรค ก็แห่เข้าพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกมองว่า เป็นการวางแผนให้ คสช.สืบทอดอำนาจ และปูทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ
พรรคพลังประชารัฐ เครือข่าย และกองเชียร์ “ลุงตู่” จึงมั่นใจว่า จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อพรรคไทยรักษาชาติ ที่เป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ถูกยุบพรรค ก็ยิ่งทำให้มั่นใจว่า จะไม่มีอะไรมาขวางอีก เพราะเส้นทางเปิดโล่งเพิ่มขึ้น
แต่การประกาศจุดยืนของ “อนุทิน ชาญวีระกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พรรคพลังประชารัฐอาจจะเกิดอาการฝันค้าง
กองเชียร์ “ลุงตู่” ที่นอนตีพุงยิ้มหวานก็พากันกระสับกระส่าย หลังสะดุ้งตกใจมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยเฉพาะกองเชียร์ที่ออกตัวแรง หรือประเภทแฟนพันธุ์แท้
จึงอยากให้เผื่อใจไว้บ้าง หากผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามที่หวัง
ส่วนกองเชียร์พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง เพราะผ่านการเลือกตั้งมาแล้วหลายสมัย เจออะไรต่างๆ มามากมายจนอาจคุ้นชิน และรู้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สู้กับอะไร ซึ่งคงทำใจได้หากไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ แม้กระแสจะแรง แต่ไม่ได้หวังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาต่อผลการเลือกตั้งที่จะออกมา
ผิดกับกองเชียร์ “ลุงตู่” ที่ตั้งความหวังไว้สูง อาจจะทำใจไม่ได้หากผลการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามความหวัง
จึงอยากให้เผื่อใจไว้บ้าง ถ้านายกฯคนต่อไปไม่ใช่ “ลุงตู่”
