| ผู้เขียน | มติ การเมือง |
|---|
ปาร์ตี้ลิสต์สูตรพรรคเล็กเฮ คะแนนไม่ตกน้ำจริงหรือ?
ลุ้นกันถึงนาทีสุดท้าย สำหรับสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ทั้ง 150 คน ภายหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562
เพราะผู้จัดการเลือกตั้งอย่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่เคาะสูตรการคำนวณ ส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ เนื่องจากยังคงต้องรอฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ให้รอบด้าน เนื่องจากต้องรอประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้
แต่จนแล้วจนรอด กกต.ยอมเปิดเผยสูตรที่จะใช้คำนวณ ส.ส.แบบปาร์ตี้ลิสต์ โดยชี้แจงเป็นเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ สรุปใจความสำคัญได้ว่า กกต.ยึดสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในแบบที่พรรคเล็กเฮ
นั่นคือ สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่นำเสนอผ่านสื่อหลายสำนักที่พรรคเล็กที่ได้คะแนนรวมเข้าพรรคในระดับ 3-4 หมื่นเสียง รับอานิสงส์ “ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม” ทุกเสียงไม่ตกน้ำได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มมาพรรคละ 1 เสียง ถึง 11 พรรค รวมกับพรรคเดิมที่มีคะแนนเข้าพรรคเกินจำนวน ส.ส.พึงมี 71,065 คะแนน (จำนวนบัตรดี 35,532,645 เสียง/500 ส.ส.)
โดยพรรคในลำดับที่ 27 ซึ่งถือเป็นลำดับสุดท้ายที่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 เสียง คือ พรรคไทรักธรรม ที่ได้คะแนนเข้าพรรคมา 33,748 คะแนน
นำมาซึ่งความงุนงงและสับสนในการตีความตามตัวอักษรของ รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ประกอบกับ มาตรา 128 129 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ในการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์
เพราะจากเดิมสูตรที่พรรคการเมืองคิดจะยึดจากหลัก ตัวเลข ส.ส.พึงมี 1 คน ต้องได้ 71,065 คะแนน จะมีพรรคที่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จบที่ลำดับที่ 16 คือ พรรคพลังชาติไทย ที่ได้คะแนน 73,869 เสียง
ขณะที่ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จะลดลงจากเดิม 58 เหลือ 57 ที่นั่ง (จำนวน ส.ส.พึงมีของพรรค อนค. คือ 6,265,950/71,065 = 88 ที่นั่ง เมื่อได้ ส.ส.เขต ไปแล้ว 30 ที่นั่ง จะทำให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิตส์อีก 58 ที่นั่ง) หรือลดลงเพียงแค่ 1 ที่นั่ง
แต่จากสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่ กกต.ใช้ และมีพรรคเล็กได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มมาพรรคละ 1 เสียง ถึง 11 พรรคนั้น จะพบว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค อนค.เหลือเพียงแค่ 50 ที่นั่ง เท่ากับว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หายไปถึง 8 ที่นั่ง
หากนำคะแนน ส.ส.พึงมีที่ 71,065 คะแนน ต่อ ส.ส. 1 คน นั่นเท่ากับว่าตัวเลขกลมๆ ของคะแนนเสียงที่พรรค อนค. ต้องลดไปกับจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 8 คน จะอยู่ที่ 5.6 แสนคะแนน
ในตรรกะของข้อกฎหมายอาจต้องมีคำอธิบายที่มีเหตุผล ให้ทุกฝ่ายฟังแล้ว ไม่เกิดคำถามที่ว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่ลดลงไปของพรรค อนค.นั้น คะแนนตกน้ำไปที่ไหน ไปที่พรรคเล็กหรือไม่ และหลักการที่ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำของผู้ร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก อย่างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
สุดท้ายแล้วจะเป็นการปฏิรูปการเมืองได้จริงหรือไม่
เพราะหากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง หากยังชี้แจงกฎ กติกา การคิดคำนวณสูตร ส.ส.ปาร์ตี้่ลิสต์ ให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันไม่ได้แล้ว
คงไม่พ้นถูกฟันธงว่าเป็นคณิตศาสตร์การเมืองที่ยากจะปฏิเสธ
