ผู้เขียน | นวลนิตย์ บัวด้วง |
---|
ความร้อนรุ่มขณะนี้ ไม่แค่เกิดขึ้นกับสภาพอากาศ และสถานการณ์ทางการเมืองเท่านั้น แวดวงเศรษฐกิจ ก็รุ่มร้อนไม่น้อยไปกว่ากัน
และหลายเรื่องประดังร้อนระอุในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
ตั้งแต่การคัดเลือกผู้ประกอบการโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ตามสนามบิน ซึ่งได้มีเอกชน 5 กลุ่มใหญ่เข้าซื้อซองทีโออาร์ ล้วนเป็นผู้นำในธุรกิจการค้าทั้งสิ้น ทั้งบริษัทสรรพสินค้าเซ็นทรัล บริษัทคิงพาวเวอร์ ดิวตี้ฟรี บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทการบินกรุงเทพ (มหาชน) และ บริษัท รอยัลออคิด เชอราตัน (ประเทศไทย) ซึ่งกรอบกำหนดให้ยื่นซองในวันที่ 22 พฤษภาคม
หรือความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ที่อยู่ในขั้นตอนเคาะรายละเอียดร่างสัญญาการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ซึ่งเต็งหนึ่งยังเป็นกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้งส์และพันธมิตร (กลุ่มซีพี) โดยมีกรอบลงนามสัญญาร่วมเอกชนภายในพฤษภาคม
หรือ การแก้ปัญหาค่ายาโหดจากการเรียกเก็บการเข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน หลังตรวจสอบข้อมูลราคารายการยาตามที่โรงพยาบาลระบุเรียกเก็บกับราคายาที่ผู้ผลิต/นำเข้ายาแจ้งไว้ พบว่าบางรายการคิดแพงกว่าต้นทุน 2-3 เท่าตัว ซึ่งที่ผ่านมาถูกร้องขอให้เลื่อนเวลาส่งข้อมูล จนภาครัฐต้องขีดเส้นใต้และขู่ใช้กฎหมายเรียกดูข้อมูล
เรื่องนี้ก็ลุ้นว่ามาตรการที่รัฐเตรียมไว้เพื่อแก้เรียกเก็บค่าราคาแพงๆ นั้นจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีรัฐมนตรีเป็นประธานจะได้ภายในกลางเดือนพฤษภาคมนี้
ซึ่งดังกล่าวก็เป็นเพียงประเด็นที่ต้อง “คืบหน้า” ให้ได้ภายในพฤษภาคมนี้ รวมถึงข้อเสนอ การของบกระตุ้นเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะด้านการเกษตร ก็จะเห็นว่าต่างเร่งบรรจุให้ทันวาระประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอีก 1-2 ครั้งข้างหน้า
เพราะวงในต่างรับรู้และวิตกกันว่า หากทุกอย่างยังไม่ชัดเจนและไม่มีมติผูกมัดไว้ ทุกเรื่องอาจตั้งนับหนึ่งใหม่ กับ รัฐบาลชุดใหม่
และกว่าทุกอย่างจะคืบหน้าอีกครั้งก็เข้าเดือนสิงหาคม-กันยายน ก็ติดในเรื่องโยกย้ายข้าราชการประจำปีพอดี
ร้อนจนปรอทแตกคงไม่เกิดกับอากาศอบอ้าวเท่านั้น