อิทธิฤทธิ์ “ใบส้ม-ถือหุ้นสื่อฯ” ปมร้อน”สอย”จนตั้งรัฐบาลไม่ได้

ออกสตาร์ทใบแรก สำหรับ “ใบส้ม” เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติแจกใบส้ม นายสุรพล  เกียรติไชยากร ว่าที่ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย(พท.) เขต 8 ที่ชนะเลือกตั้งมา ด้วยเสียง 52,165 คะแนน

ในมูลความผิดเนื่องจากได้ถวายเงินจำนวน 2,000 บาท ให้กับพระในวัดแห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่

จึงเข้าข่ายผิดมาตรา 73(2) ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 ที่ระบุว่า “ห้ามให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง”

สำหรับคะแนนเสียงของ “นายสุรพล” ชนะขาดอันดับสอง นายนเรศ ธำรงค์ทิพยกุล พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ที่ได้ 39,221 คะแนน และอันดับสาม น.ส.ศรีนวล บุญลือ พรรคอนาคตใหม่(อนค.)ได้คะแนน 29,556 คะแนน

Advertisement

แต่จากผลที่โดน “ใบส้ม” ทำให้นายสุรพล ถูกระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว 1 ปี และพรรคพท. ไม่สามารถส่งผู้สมัครส.ส. ลงรับสมัครเลือกตั้งในเขตที่ 8 ได้ แต่ผู้สมัครส.ส.คนเดิม ของพรรคอื่นๆสามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้

เท่ากับว่า พรรคพท.ต้องเสียส.ส.ไป 1 เสียง ในเขต 8 จ.เชียงใหม่

ย่อมกระทบต่อเสียงโดยรวมของพรรคพท.และพันธมิตร ในการรวมเสียงแข่งตั้งรัฐบาลกับฝั่งของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)

ด้วยอิทธิฤทธิ์ของ “ใบส้ม” ทำให้พรรคในฝั่งของพรรคพท.และพันธมิตร ยังมีเรื่องต้องให้ลุ้นระทึก กันอีกหลายวัน

เพราะนับจากนี้ไปจนถึง “เดดไลน์” วันประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้

อาจจะได้เห็น “ใบส้ม”ว่อนได้อีกระลอก อยู่ที่ว่าพรรคไหนจะโดน“แจ็คพอต”

ยิ่งพรรคฝ่ายไหนโดนเยอะ โอกาสรวมเสียงแข่งตั้งรัฐบาลยิ่งริบหรี่

ไม่เพียงแค่อิทธิฤทธิ์ของ “ใบส้ม” ยังมีอีกปมร้อนที่จะตัดสิทธิว่าที่ส.ส. ให้ต้องแพ้ฟาล์ว ไม่ไปถึงฝั่งฝันได้เข้าสภาฯ คือ เรื่องการถือหุ้นสื่อมวลชน

ที่ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง วินิจฉัยไว้เป็นบรรทัดฐาน ตัดสิทธิการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ของ “ภูเบศวร์ เห็นหลอด” ผู้สมัครส.ส.พรรคอนาคตใหม่(อนค.) เขต 2 จ.สกลนคร

เนื่องจาก “ภูเบศวร์” เคยจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดไว้เพื่อประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง แต่ในขั้นตอนการจดจัดตั้งได้ใช้แบบฟอร์มสำเร็จรูปที่มีการวัตถุประสงค์จดจัดตั้ง 43 ข้อ ครอบคลุมทุกอย่าง หนึ่งในนั้นคือการ “ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ รับจัดทำสื่อโฆษณา สปอร์ตโฆษณา เผยแพร่ข้อมูล”

ซึ่งขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 ที่บัญญัติไว้ว่า “บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ใน(3) คือ  เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ

เมื่อศาลฯตัดสินไว้เป็นบรรทัดฐาน ในเรื่องคุณสมบัติการถือหุ้นสื่อ ของผู้สมัครส.ส.ไว้เช่นนี้

ก่อนการประกาศและหลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งกกต.ยืนยันหนักแน่นมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ

คงได้เห็นว่าที่ส.ส. อาจจะแพ้ฟาล์ว โดนสอย เนื่องจากขาดคุณสมบัติการรับสมัครส.ส. อีกหลายคน

ยิ่งมีนักร้องทางการเมืองขาประจำ ยื่นให้กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครส.ส. และว่าที่ส.ส. ที่ชนะการเลือกตั้งทั้ง 32 คน ในเรื่องการถือหุ้นสื่อ

ซึ่งล้วนอยู่ในฝ่ายของพรรคพท.และพรรคแนวร่วม

หากยึดบรรทัดฐานของ “ภูเบศวร์” คงมีรายการตามร้อง เช็กบิลกันไปมา ของทั้งสองฝ่าย

สุดท้ายอิทธิฤทธิ์ทั้ง”ใบส้ม”และปม”ถือหุ้นสื่อฯ” อาจเป็นอีกปัจจัยร้อนทำการเมืองถึงทางตัน รวมเสียงตั้งรัฐบาลกันไม่ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image