นิวส์รูมวิเคราะห์ : ศึกชิงเก้าอี้ รมต.-พิษหุ้นสื่อ ชี้ชะตาอายุ ครม. ‘บิ๊กตู่’

ศึกใน-ศึกนอก รุมเร้า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ที่จะคัมแบ๊กกลับมานั่งเก้าอี้ “นายกฯคนที่ 29” ตามมติของที่ประชุมรัฐสภาที่เทเสียงให้ท่วมท้นถึง 500 เสียงไม่น้อย

เพราะแค่ยกแรกช่วงฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลผสมที่มี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นแกนนำจัดตั้งกับพรรคร่วม 19 พรรค

ก็มีเรื่องให้ “บิ๊กตู่” ต้องโชว์ภาวะผู้นำ กำราบ กลุ่ม มุ้ง ก๊วน ภายในพรรค พปชร.ที่เปิดศึกใน โชว์พลังต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกันถ้วนหน้า

Advertisement

ทั้งกลุ่มภาคอีสานที่มี “เอกราช ช่างเหลา” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ในฐานะประธานศูนย์ประสานงาน จ.ขอนแก่น และ จ.อุบลราชธานี เป็นหัวหอก

พร้อมกับโชว์ตัวเลขผลการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคอีสานของพรรค พปชร.ที่เข้าป้ายมาที่ 1,364,761 คะแนน แปรเป็น ส.ส.ได้ 19 คน

แต่กลับวืดเก้าอี้รัฐมนตรี พร้อมกับส่งเสียงขู่แกมเตือนแกนนำพรรค พปชร.ด้วยว่า หากยังไม่เหลียวแล ส.ส.ภาคอีสานให้ได้รับความเป็นธรรม

Advertisement

คงต้องทบทวนท่าทีการทำงานร่วมกับพรรค พปชร. เช่น การโหวตสวนมติของพรรค

เช่นเดียวกับขุนพล ส.ส.ในภาคใต้ ที่มีอดีต “ผู้การชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 ของ “บิ๊กตู่”

ในฐานะหัวหน้าทีมเลือกตั้งภาคใต้ของพรรค พปชร.ที่นำทีมชนะเลือกตั้ง ส.ส. มาได้ 13 ที่นั่ง

ขอทวงความชอบธรรมในโควต้ารัฐมนตรีให้กับกลุ่มภาคใต้บ้าง พร้อมกับยกระดับเปิดตัว “กลุ่มด้ามขวานไทย”

กำหนดท่าทีทำงานร่วมกับพรรค พปชร. หากไม่ได้คำตอบตามความชอบธรรมที่กลุ่มฯควรจะได้รับ

ขณะที่ศึกนอก มีทั้ง “ดำรงค์ พิเดช” หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย (รป.) ออกมาทวงดีลในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

หากพรรค พปชร.ไม่ส่งคนมานั่งเป็น “รมว.ทส.” เอง ตามที่คุยกันไว้ จะขอทบทวนการทำงานร่วมกัน และนำ 2 เสียงของพรรครป.เป็นฝ่ายค้านอิสระ

รวมทั้งคดีถือหุ้นสื่อของ 42 ส.ส.ว่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) เรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล

ที่ยังต้องลุ้นระทึกกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะชี้ออกมาในทิศทางใด

หากออกมาในแนวทางเดียวกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

42 ส.ส.ก็ต้องถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

ย่อมกระทบกับรัฐนาวาของรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่มีเสียงปริ่มน้ำ 254 เสียง

เพราะจะเหลือ ส.ส.สู้ศึกในสภาฯเพียงแค่ 212 เสียง

ซึ่งไม่ถึงครึ่งของสภาฯ 500 เสียง

ซึ่งจะเข้าทางของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ผนึกกำลังกันแน่นอยู่ที่ 245 เสียง (เว้นนายธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว)

แค่ด่านแรกกับศึกอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 หากรัฐบาลผนึกเสียงข้างมาก
ฝ่าด่านผ่าน พ.ร.บ.งบฯ ไม่ได้

คงต้องจอดตั้งแต่ป้ายแรก ม้วนเสื่อกลับบ้านก่อนเวลาอันควร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image