‘เงินถมเศรษฐกิจไทย’ ปรามาส!! แตกต่างแค่ช่วงเวลา?

หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจนัดแรก ที่เพิ่งผ่านพ้นไปและเห็นชอบกรอบแนวทางการบริหารเศรษฐกิจต่อเนื่องปี 2562-2563 ใน 7 ด้าน ตั้งแต่การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก การช่วยเหลือและเพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

รวมถึงการยกระดับราคาสินค้าเกษตรและรายได้เกษตรกร การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การขับเคลื่อนภาคส่งออกให้ขยายตัวปีนี้ 3% และ 3.5% ในปีหน้า การขับเคลื่อนรายได้ภาคการท่องเที่ยวปีนี้ 2.04 ล้านล้านบาท และ 2.22 ล้านล้านบาท และ การสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน

ซึ่งก็ดูเหมือนจะครอบคลุมทุกนโยบายหลักที่พรรคร่วมรัฐบาลได้หาเสียงไว้ จากนี้ก็เหลือว่าแต่รัฐมนตรีของแต่ละพรรคจะทยอยเปิดแนวทางย่อยกันอย่างไรบ้าง

ที่ทยอยออกมาแล้ว ก็คือมติแจกเงินในแบบต่างๆ เพื่อให้ผู้มีกำลังน้อยได้มีได้ใช้ประจำวัน หรือสมบทเงินกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวไทยแทนการจัดแพคเกจพาไปเที่ยวต่างประเทศที่ไม่เว้นกระทั่งหน่วยงานรัฐเอง รวมถึงแผนบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยแล้งและสงครามการค้าโลก ทั้งหมดนี้ ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบกรอบใช้เงิน 3.1 แสนล้านบาท

Advertisement

ยังไม่รวมกับเงินอีกก้อนใหญ่ผ่านโครงการประกันรายได้ 5 พืชเกษตรสำคัญ ที่เร็วๆ นี้ประกาศหลักการประกันรายได้ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวเปลือก คาดกันว่าแต่ละพืชจะใช้เป็นหมื่นๆ ล้าน

หันไปถามความเห็น…ไม่มีใครเลยคัดค้านที่รัฐจะใช้เงินหลายแสนล้านลงสู่ระบบเศรษฐกิจ

แต่ที่ดูจะดราม่ากันมากหน่อย ก็พุ่งไปเรื่องไม่เห็นอะไรที่แตกต่างจากที่รัฐบาลก่อนใช้ และเศรษฐกิจซึมลงลึกจนมาตรการที่ใช้ไม่พอกับสภาพเศรษฐกิจอาจดื้อยาแล้วกับยาชนิดเดิมๆ

เมื่อแผนกระตุ้นเศรษฐกิจภาคแรก “แจกเงิน” ผ่านไปแล้ว ภาคต่อไปที่กลุ่มดราม่า จับตาและฟันธงว่ามาแน่เร็วๆนี้ในด้านการสนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน คือ “แจกภาษี” ซึ่งก็ได้พยากรณ์ไว้ว่าอาจเหมือนเดิมๆ อย่างที่ใช้วิธีแจกเงิน ที่มุ่งไปช่วยเหลือหลายภาคอุตสาหกรรมและดีต่อทุนนอกมากทุนใน

ก็คงต้องติดตามว่าแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจแบบดั่งเดิมบนช่วงเวลาใหม่ จะได้ผลต่อเศรษฐกิจปีนี้ไม่ต่ำ 3% และลบคำปรามาส…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image