ผู้เขียน | พันธศักดิ์ รักพงษ์ |
---|
โมเดลโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับคสช.ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ กลายเป็นสิ่งท้าทายให้นักการเมืองในพื้นที่ จึงเกิดแนวคิดที่จะสร้างเอกภาพรวมกลุ่มอดีตส.ส.ชายแดนใต้เป็นหนึ่งเดียว
การโหวตไม่เอารัฐธรรมนูญในครั้งนั้น เป็นผลจากเนื้อหาของรัฐธรรมนูญในบางส่วน
และปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานในหลายๆ เรื่องของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงที่เกี่ยวข้องในยุคนั้นโดยเฉพาะเรื่องเยียวยา การเอาใจใส่พื้นที่เพื่อล้างตาจากเมื่อคราวนายกฯทักษิณ ชินวัตร ระหว่างเป็นนายกฯรอบแรก หลุดคำว่า”โจรกระจอก”
ทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลเพื่อไทยในชายแดนใต้ดีวันดีคืนโดยมีกลุ่มการเมืองของพรรคเพื่อไทยจากกลุ่มวาดะห์ผูกติดกับภาพการเคลื่อนไหวครั้งนี้
การต่อยอดภารกิจครั้งนี้คือการตั้งธงรวมอดีตส.ส.ชายแดนใต้เป็นหนึ่งเดียวพร้อมการโยนหินตั้งพรรคส.ส.อิสลามเพื่อหยั่งกระแสดูปฏิกริยาสนองตอบโปรเจกต์นี้
สนามเลือกตั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ หัวเรือใหญ่หนีไม่พ้น กลุ่มวาดะห์ ของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ซูการ์โน มะทา อดีตส.ส.ยะลา อารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีตส.ส.นราธิวาส รวมถึงมุข สุไลมาน อดีตส.ส.ปัตตานี
การเปิดเจรจากับอดีตส.ส.จากพรรคคู่แข่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้จากประชาธิปัตย์ ชาติไทย หรือ ภูมิใจไทย ที่มีอดีตส.ส.คว่ำหวอด เปลี่ยนสีเสื้อ และผลัดแพ้ชนะในพื้นที่ อาทิ อิสมาแอ อุเซ็ง ตระกูลเบ็ญจลักษณ์ นพ.แวมาฮาดี แวดาโอะ กูเฮง ยาวอหะซัน นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ และเจะอามิง โตะตาหยง ถือเป็นความพยายามเพื่อหวังปิดดีลลับ
ขณะเดียวกัน อาจารย์วันนอร์ ก็ส่ง “สุรพล นาควานิช” คนใกล้ชิดไปจดตั้งพรรคประชาชาติเพื่อรอดีลต่อรองอดีตส.ส.เข้ามาร่วม
โดยเป้าหมายอาจารย์วันนอร์ยังคงหยั่งขาอยู่พรรคเพื่อไทยเพื่อเป็นตัวเชื่อมและต้องหาผู้มีบารมีไปนั่งหัวหน้าพรรคประชาชาติแต่จนแล้วจนรอดก็หาหัวไม่ได้
ประกอบกับดีลดึงเพื่อนต่างพรรคล้มเหลวเพราะแต่ละคนถือคัมภีร์การเมืองกันคนละเล่มภายใต้สถานการณ์การเมืองและกติกาเลือกตั้งสุดพิสดาร
ในที่สุดอาจารย์วันนอร์ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยรอเก้อ เจ้าตัวต้องกลับมาสานต่อเป็นหัวหอกให้พรรคประชาชาติต่อสู้ในสนามเลือกตั้งต่อไป