⦁….ที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกที่จะไม่ตอบการอภิปรายเรื่อง “ถวายสัตย์ไม่ครบถ้อยความตามรัฐธรรมนูญที่บัญญัติบังคับไว้” และ “การแถลงนโยบายโดยไม่ระบุที่มาของงบประมาณ” อันรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้ต้องทำ แต่พยายามคุยเรื่อง “ตัวเองยังยิ้มได้ ไม่ดุ” พร้อมทั้งแตะโน่นนี่หน่อย โดยไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นญัติติ สภาวะ “ข้าจะเอาอย่างนี้ มีอะไรมั้ย” เกิดขึ้นอีกแล้วท่ามกลาง “ระบบรัฐสภา”
⦁….ว่าไป “ฝ่ายค้าน” ทำงานมาอย่างดี สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เปิดการอภิปรายด้วยการให้ภาพรวม “การถวายสัตย์ และการแถลงนโยบายโดยไม่แจกแจงที่มางบประมาณ” ตามด้วย อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ขยายประเด็นว่า “จะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาลอย่างไร” และ ปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งทำการบ้านมาเข้มข้น เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระทั้งทาง “วิชาการด้านกฎหมาย” ว่าด้วย “ผลที่จะเกิดขึ้นจากการไม่ยอมรับการกระทำตามรัฐธรรมนูญ” และ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ที่ชี้ให้เห็นปัญหาด้าน “จริยธรรม” ที่จะทำให้เป็นคดีขึ้นสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง
⦁….ทุกอย่างชัดเจนอย่างยิ่งว่า การบริหารจัดการประเทศต่อไป จะก่อปัญหาที่จะถูกตีความว่า “ขัดต่อกฎหมาย” แต่ความห่วงใยเช่นนั้น กลับไม่มีความหมายที่จะทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะผู้นำประเทศใส่ใจที่จะตอบคำถามเลย หลังจากนั่งฟังมาแต่เช้าเหมือนสนใจบทบาทของ “สภาผู้แทนราษฎร” แต่ที่สุดแล้ว การตอบคำถามกลายเป็นเรื่องที่ “ผู้อภิปรายไม่ได้ถาม”
⦁….หลังจากที่ชี้ให้เห็นว่า มีความจำเป็นต้องให้ประชาชนได้รู้ว่า “ทำไมตัดคำว่าจะทำตามรัฐธรรมนูญ” ออกไป เอาที่ “สำนักงานนายกรัฐมนตรีพิมพ์ให้ไปไว้ที่ไหน” และ “จะแก้ปัญหาอย่างไรกับการไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ” เป็นเรื่องที่ “ไม่มีราคาที่จะต้องตอบ” ปล่อยให้คนทั้งประเทศที่ติดตามการอภิปราย “งุนงงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับความเป็นไปของประเทศ”
⦁….แม้ ชวน หลีกภัย จะทำหน้าที่ “ประธานที่ประชุม” ได้อย่างไม่มีข้อตำหนิ แต่ทรรศนะที่สะท้อนผ่านท่าทีของ “ประธานที่ประชุมคนอื่น” ก่อคำถามถึง “ความตระหนักถึงสำนึกของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” ปัญหาภาพลักษณ์ของ “สภาผู้แทนฯที่ถูกทำให้เสื่อมโทรมมาในอดีต” ไม่ได้กระตุ้นเตือนสำนึกดังกล่าวให้เกิดขึ้น
⦁….คำถามมากมายที่มีไปถึง วิษณุ เครืองาม ในฐานะ “ผู้มีหน้าที่อธิบายความหมายของกฎหมาย” แต่คนที่จะต้องตอบไม่ได้มีเพราะ “รัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” เท่านั้น แต่ “นักการเมืองที่อาศัยคะแนนเสียงจากประชาชน” ในฐานะ “พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล” จะมีสำนึกต่อประชาธิปไตย เท่านักการเมืองหน้าใหม่ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ยังสับสนในจุดยืนตัวเองหรือไม่
⦁….อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า แม้จะเป็น “รัฐบาลผสม” ทว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีใครที่พร้อมจะยืนอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ ความเลอะเทอะทั้งหมด หากเกิดขึ้นดูจะไม่เกี่ยวกับ “รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลคนอื่น” รัฐบาลที่พาเคลื่อนกันไปในลักษณะนี้ ย่อมหลีกไม่พ้นที่จะถูกตั้งคำถามถึงการทำงานร่วมกัน คนบางคนอาจจะมีภูมิต้านทาน แม้กระทำผิดกฎหมายร้ายแรงก็เอาตัวรอดได้ แต่ภูมิต้านทานนั้น แจกจ่ายให้กับ “คณะรัฐมนตรี” หรือไม่ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถาม
⦁….งาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ” ครั้งนี้เปลี่ยนสถานที่จาก “ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” มาเป็น “อิมแพค เมืองทองธานี” จัดวันที่ 2-13 ตุลาคม “สำนักพิมพ์มติชน” อยู่บูธ T 06 ออกหนังสือปกใหม่เพียบ ที่พลาดไม่ได้เลยเป็น “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว” ของ
ธนินท์ เจียรวนนท์
⦁….วิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทในกลุ่ม กฟผ.ร่วมบริจาคเงิน จำนวน 10,000,000 บาท สมทบกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุโพดุลและพายุคากิจิ ได้นำส่งถุงยังชีพ กฟผ. จำนวน 11,088 ถุงและน้ำดื่มรวมแล้ว 74,856 ขวด ลงพื้นที่แจกจ่ายและช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์, แพรวปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา, วิชญาณี เปียกลิ่น, กรองกาญจน์
ชมะนันทน์ และกรกนก ยงสกุล ร่วมงาน ณ โรงแรม วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ
