⦁…การเมืองยุค ‘แบ่งฝักแบ่งฝ่าย’ แตก 2 ข้าง แยกเป็นหลายขั้ว รู้หัว รู้ก้อย มีคำตอบระดับหนึ่ง ไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ‘เสาร์ 25 พฤษภาคม’ วันนี้ฤกษ์ดีโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ด่านแรกเปิดประตูสู่ ‘การตั้งนายกรัฐมนตรี’ และ ‘ฟอร์มรัฐบาล’ ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งเป็นประธานรัฐสภาโดยอัตโนมัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ขณะปั่นร่ายต้นฉบับ ยังไม่มีวี่แววลงตัวนัก เนื่องจาก ‘ประชาธิปัตย์’ และ ‘ภูมิใจไทย’ 2 พรรค ที่แกนนำขั้วลายพราง มั่นใจไหลรวม ‘พลังประชารัฐ’ แน่ ยังไม่ตัดสินใจเทเสียงให้ แต่แทคทีมต่อรอง ไปไหนไปด้วยกัน ‘กดดัน’ พปชร.เปิดวงเจรจา จัดสรร แบ่งเค้ก ‘เก้าอี้รัฐมนตรี’ ก่อนวันที่ 25 เพราะมีราคา-อำนาจต่อรองสูง
⦁…กรณี ‘ดีลลงตัว’ จบก่อนโหวต ‘เก้าอี้ประธาน’ ก็อยู่ทางนี้ แต่ยกให้พรรคใดนั่ง ขึ้นอยู่กับการเจรจา ปกติตำแหน่งนี้ เทียบกับ 1 เก้าอี้ว่าการ พรรคใดยึดไป ก็ต้องลดโควต้าเสนาบดีลง 1 ที่ แต่ก็ไม่ตายตัว ขยับให้กันได้ ‘จบด้วยจับเข่า’ ไม่หักหาญ
⦁…แต่แรก ‘พลังประชารัฐ’ มีแผนเก็บไว้ ‘พยุงเสียงปริ่มน้ำ’ หวั่นเพลี่ยงพล้ำเกมในสภา แต่ทว่า ‘ประชาธิปัตย์’ ก็ดูเหมือนอยากได้ เหตุมีโจทย์ใหญ่ ‘ฟื้นฟูพรรคตกต่ำ’ อีกประการ เล่นบทบริหารที่อยู่ใต้ร่มเงา ‘บิ๊กตู่’ น่าจะกอบกู้ยาก งานถนัดคานอำนาจในสภา จุดประกาย-หวังได้มากกว่า แต่ก็อีกนั่นแหละ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจา ต่อรอง
⦁…ผลพวงจาก ‘กติกาพิกล พิการ’ ยังออกได้อีกสูตรพิสดารมากนัก กรณีที่สอง หาก ‘พรรคคู่จิ้น’ การเมืองไทย ‘ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย’ ยังไม่ตกลงร่วมหัวจมท้ายก่อนโหวตเลือกประธานสภา เนื่องจาก ‘พลังประชารัฐ’ เล่นบท ‘ไม่แคร์’ ต้องการลากยื้อ เรื่องจัดสรรปันส่วนที่นั่งรัฐมนตรีออกไปหลังจากโหวตเลือก ‘บิ๊กตู่’ ดำรงตำแหน่งนายกฯอีกคำรบ อันทำให้ มีอำนาจต่อรองสูงกว่า ‘ศึกชิงประธานสภา’ อาจเป็น 3 เส้า 1.ขั้วพลังประชารัฐ 2.ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ และ 3.ขั้วเพื่อไทย หากฝุ่นตลบโมเดลนี้ เปอร์เซ็นต์หวยออกที่ค่าย 2 พรรค เป็นไปได้มากที่สุด ‘ขั้วเพื่อไทย’ ซึ่งเป็นไม่ได้ กฎหมายแม่บท ‘ม.106’ ตีความกลับด้านล็อกไว้ ฝ่ายค้านเป็นไม่ได้ ก็อาจเทโหวตให้ ‘ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์’ เพื่อลอยแพ ‘พลังประชารัฐ’ ถึง ‘ตีงูให้กากิน’ แต่ก็ดีกว่า ‘เสียของ’ ยกโหวตหนุนคนของ ‘พลังประชารัฐ’ ขาดทุนบาน
⦁…ทางที่สองนี้ ไม่เคยมีมาก่อน แต่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เหตุจากกติกาฉบับปัจจุบันต่างออกไป ประธานสภาที่เป็น ‘ดัชนีชี้วัด’ ความเป็นขั้วเสียงส่วนใหญ่ ‘ไม่ใช่สูตรสำเร็จ’ ถ้าฝ่าตรงนี้ไม่ได้ก็ชวด ‘เก้าอี้นายกฯ’ เพราะบทเฉพาะกาลให้ ส.ว.แต่งตั้ง 250 คนแจมโหวตเลือกนายกฯ ซึ่ง ณ บัดนี้ เสียง ‘ขั้วพลังประชารัฐ’ (ตัด 2 พรรคออก) รวมกับ ส.ว.มีมากพออุ้ม ‘บิ๊กตู่’ ไปต่อ ไม่ต้องง้อ ตามสูตรช็อตเลือกประธาน
⦁…ถ้าออกเคส-กระดานนี้จริงล่ะก็ เท่ากับว่า ‘2 พรรค’ ยึดประธานสภา ‘พลังประชารัฐ’ ยึดนายกฯ เมื่อจบเลือกประมุขฝ่ายนิติบัญญัติถ้า ‘พลังประชารัฐ’ ไม่อยากเป็น ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ ก็หันกลับมาจับมือกับ 2 พรรคได้อยู่ดี ก่อนหลังโหวตเลือกประมุขฝ่ายบริหารก็ได้ หรือเอาที่สบายใจ ‘ตั้งนายกฯเรียบร้อย’ แล้วก็ได้ ค่อยคุยจับมือร่วมรัฐบาลอีกที เกมโดยรวมเป็นประมาณนี้ แกนนำฝ่าย เสธ.มันสมองแต่ละฝ่าย จะเดินแบบไหน ‘ข้อดี-เสีย’ ความสุ่มเสี่ยง อันตราย คงประเมินกันวุ่น แต่โดยที่การเมืองคือ ‘การต่อรอง’ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ เรื่องยากๆ ก็อาจจบง่ายๆ ‘พลิกจูบปากดื้อๆ’ เอาได้ทุกเวลานาที เพียงแต่ตอนนี้ ยังมีช่องว่างให้เคลื่อนไหว แต่ละพรรค แต่ละฝ่าย ต่างก็ตกเป็น ‘เครื่องมือ’ ซึ่งกันและกัน
ปักหมุด