⦁….คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในนาม “รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง” เริ่มทำงานแล้ว ในความรู้สึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า “มีความสุขที่สุด” แต่ดูเหมือนนั่นเป็นเพียง “ความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี” สำหรับประชาชนทั่วไป ยังมองไม่เห็นอาการที่แสดงให้รับรู้ว่าเริ่ม “มีความหวัง” ที่บอกกล่าวเล่าสิบกันในแวดวงสนทนาในทุกระดับ ล้วนยังเป็นความกังวลกับ “อนาคตของตัวเองและครอบครัว”
⦁….หลังเลือกตั้ง ที่หวังกันถึง “การเมือง” ที่เปิดสู่ “สิทธิเสรีภาพมากขึ้น” เพราะ “อำนาจตาม ม.44” และ “รัฏฐาธิปัตย์ซึ่งขึ้นกับคนคณะเดียว” สิ้นสุดลง แต่กลับกลายเป็นว่า “อำนาจที่เนรมิตได้ตามแต่ใจ” กลับถูกซ่อนอยู่ในกฎหมายที่เขียนขึ้นมาใหม่นับไม่ถ้วน และโหวตผ่านโดย “ฝักถั่ว” ในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็น “ประชาธิปไตย” ที่ต้องมาถกกันให้วุ่นวาย ว่า “ทหารมีอำนาจเรียกประชาชนไปปรับทัศนคติ โดยอาศัยกฎหมายความมั่นคง” ได้หรือไม่ และคำตอบจาก ผู้มีหน้าที่อธิบายกฎหมายของชาติ อย่าง “วิษณุ เครืองาม” ดูจะหาความชัดเจนไม่ได้
⦁….ในทางเศรษฐกิจ เสียงคร่ำครวญเรื่องปัญหาปากท้อง การทำมาหากิน และกิจการที่ไปไม่รอด ยังคงดังให้ได้ยินกันขรมอยู่โดยทั่วไป ขุนพลใหญ่ที่นำพายังเป็นคนเดิมคือ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่มาพร้อมกับทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ที่ดูจากภาพลักษณ์แล้ว ชวนให้รู้สึกสนุกสนานมากขึ้น โดยเฉพาะ “กระทรวงเกษตรฯ” ซึ่งมีหน้าที่ดูแลอาชีพคนกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศ เริ่มต้นด้วยเสียง “ถอนหายใจ” ในอาการ “สั่นหัว” ของผู้คน
⦁….ที่จะเป็นประเด็นอีกเรื่อง คือ “การศึกษา” ซึ่งเริ่มมีเสียงการวิจารณ์แบบ “แผ่นเสียงตกร่อง” เกิดขั้นอีกครั้ง ในทำนอง “เป็นปัญหาสำคัญที่สุดคือการพัฒนาประเทศ” ด้วย “คุณภาพคนเป็นคำตอบของทุกปัญหา” ทว่ากระทรวงที่ดูแลทางด้านนี้ กลับมองไม่เห็นทิศทางที่ดีจากการจัดตั้งรัฐบาล ที่มองเป็นคนละเกรดกับกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่หนักไปกว่านั้นคือความกังวลว่าจะวางระบบการเรียนการสอนที่มุ่งสู่ “ความพยายามครอบงำให้เยาวชนอยู่กรอบที่ควบคุมได้” มากกว่าจะพัฒนาให้เกิด “วิธีคิดที่สร้างสรรค์”
⦁….ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องของ “ความกังวลจนเกินเหตุ” ที่ว่า “สภาผู้แทนราษฎร” จะใช้วาระ “แถลงนโยบาย” เปิด “ซักฟอกครั้งใหญ่” เหมือน “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” ทั้งที่ยังไม่เริ่มทำงาน ด้วยว่า “การวางตัวบุคคล” และ “ความเคลื่อนไหวที่ทีมงานรัฐมนตรีเดินหน้ากันไป” และ “เป็นข่าวให้รับรู้กัน” กลายเป็นเรื่อง “ชวนสงสัยว่าจะไว้วางใจได้หรือไม่” ก่อนที่จะร่างนโยบายเสียด้วยซ้ำ
⦁….มีความน่าสนใจไม่น้อย ที่หลังจาก “นโยบายรัฐบาล” ประกาศออกมา มีบางคนชี้เป้าให้นำไปเทียบกับ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ที่ประกาศออกมาก่อนหน้านั้น เนื่องจาก “กติกาโครงสร้างอำนาจใหม่” กำหนดไว้ชัดเจนว่า “นโยบายรัฐบาลจะขัดกับยุทธศาสตร์ชาติ” ไม่ได้ ไม่เพียงห้ามนำไปปฏิบัติ แต่ “รัฐบาลที่ทำเช่นนั้นจะมีความผิดร้ายแรง” การหยิบเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง อาจจะมีเรื่องที่ “ไม่ธรรมดา” แบบ “ปลาตายน้ำตื้น”
⦁….กลายเป็น “นโยบายพรรค” ที่มีการขับเคลื่อนอย่างเป็นจริงเป็นจัง ด้วยเสียงตอบรับที่ดีที่สุด คือ “กัญชาเพื่อการรักษาโรค” ของ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” จาก “ภูมิใจไทย” ที่เพียงนักธุรกิจที่เตรียมลงทุน ประชาชนผู้รอใช้ กระทั่ง “หมอ” ที่รับหน้าที่นำไปปฏิบัติ ยกธงเชียร์กันพร้อมเพรียง ไม่เว้นแม้แต่บางหน่วยงานที่ก่อนหน้านั้น ออกมาเตือนให้ระมัดระวัง