โครงร่างตำนานคน : สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ถอยความหลัง‘วันไม่คืนกลับ’ : โดย การ์ตอง
สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล หยุดหายใจ พลัดจากชีวิต สิ้นสุดบทบาทมนุษย์ คนหนึ่งไปแล้ว
เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในวัย 67 ปี หลังเผชิญกับโรคมะเร็งตับมา 3 ปี
จากลาไปเหมือนกับทุกๆ ชีวิตก่อนหน้านั้น และทุกชีวิตที่เหลือที่จะจากตามไป เหมือนเป็นเรื่องปกติ
แต่การจากไปของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล กลับมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
สมัยเป็นนักการเมือง แม้จะไต่เต้ามาจนถึงนั่งเก้าอี้ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” แต่เสียงที่พูดถึงไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนัก แทบไม่มีใครรู้เลยว่า สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในความรู้สึกของคนทั่วไป หรือกระทั่งคนใกล้ชิดเป็นอย่างไร
ยิ่งในช่วงที่สถานการณ์การเมืองพลิกผัน เปลี่ยนขั้วอำนาจ อันเป็นเหตุให้ สุรพงษ์ กลายเป็นจำเลยในคดีที่มาจากการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสียงที่กล่าวถึงโดยเฉพาะจากฝ่ายตรงกันข้าม มีแค่ความเยาะเย้ย ถากถาง เลยไปถึงสาปแช่ง และสะใจเมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี แม้ในที่สุดจะได้รับการรอลงอาญา
เหมือนตำนานแห่งชีวิตอดีต ส.ส.เชียงใหม่ ที่ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ มาสู่ไทยรักไทย ที่เปลี่ยนมาเป็นพลังประชาชน และยืนหยัดอยู่จนเปลี่ยนเป็นเพื่อไทย
จากบทบาท ส.ส. “ผู้อภิปรายโจมตีทักษิณ ชินวัตร” อย่างหนักหน่วง
เป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่จัดการให้คืนหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตไทยให้ทักษิณ ชินวัตร” และเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีจนต้องพิพากษาจำคุกดังกล่าว
ในช่วงนั้นแม้อีกฝ่ายเดียวกันจะแสดงความเห็นอกเห็นใจ และแสดงความคิดเห็นในทางชื่นชมอยู่บ้าง แต่เสียงแห่งความสะใจ และถากถางดูจะดังกว่า
เมื่อมีข่าวคราวเรื่องความเจ็บป่วย มีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้ว่าเรื่องราวของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จะเป็นตำนานที่ได้รับการพูดถึง
กระทั่งเมื่อได้รับรู้ถึงการเสียชีวิต รับรู้ว่า สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จากไปแล้ว
นั่นแหละจึงเกิดปรากฏการณ์ที่คนจำนวนมาก ทั้งในแวดวงที่รู้จักคุ้นเคย และสื่อมวลชนที่มั่นคงในแนวทางประชาธิปไตยออกมากล่าวขวัญถึงบทบาทของนักการเมืองจากเชียงใหม่ผู้นี้อย่างคึกคัก พร้อมเพรียง จนเป็นกระแส
กระทั่งชื่อ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ได้รับการยกชูขึ้นมาประดับไว้ในตำนาน บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมือง แบบเน้นในเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นหลัง
คนเราเมื่อเกิดมาชีวิตหนึ่ง
บ้างถูกลืมเลือนไป เหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นในโลก บ้างได้รับการจดจำหรือรำลึกถึงเฉพาะคนในครอบครัว บ้างขยายไปถึงญาติมิตร
ที่เป็นที่จดจำและบันทึกในประวัติศาสตร์นั้นมีเพียงบางคนเท่านั้น
บางคนในความหมายของสัดส่วนที่ไม่มากนัก
และอีกนั่นแหละ บางคนที่ปรากฏเป็นตำนานบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ ไม่ได้มีแค่ประวัติศาสตร์แห่งความชื่นชม แต่มีมากมายที่เป็นประวัติศาสตร์ในอีกด้าน เป็นตำนานอันเชิญชวนให้จดจำในทาง
ติเตียน หรือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีงาม
สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นไปตามเสียงที่พูดถึงในขณะนี้
และน่าสนใจยิ่งว่า “คนอื่นๆ” ลองหันกลับไปถามใจตัวเองหรือไม่ ว่า
หลังการจากลา เสียงที่พูดถึงจะบันทึกเรื่องราวไว้ในประวัติศาสตร์อย่างไร
ผู้ที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ เคยถามหรือไม่
การ์ตอง