มข.เพื่อสังคม – คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ขอนแก่น จัดเสวนาเรื่อง แผนพัฒนาพื้นที่ชานเมืองขอนแก่นกับการท่องเที่ยววัฒนธรรมชุมชนพุทธเกษตร โดยมี ผช.ศจ.วณิชชา ณรงค์ชัย, แก้วตา จันทรานุสรณ์, ศุภชัย ลีเขาสูง และคณะผู้บริหารการปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมด้วย ชาวบ้าน ท่ามกลางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ณ ตลาดพุทธเกษตรสงเปือยฮ่องเดื่อ ๖๔ วัดป่ารัตนาราม เมื่อเร็วๆ นี้
ส่งเวชภัณฑ์ – วิศาล สายเพ็ชร์ ปธ.จนท.บห. รพ.นครธน ส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ สบู่เหลวล้างมือ หน้ากากพลาสติกคลุมหน้า และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ สำหรับการดูแลผู้ต้องขัง และผู้ป่วยโควิด-19 ให้แก่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผ่านโครงการ หยิบยื่น แบ่งปัน เพื่อทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยมี ล้ำค่า ณ นครพนม ผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 74 เป็นผู้ร่วมสมทบ ซึ่งจะนำสิ่งของ เวชภัณฑ์ ไปมอบในครั้งนี้ด้วย ณ รพ.นครธน เมื่อเร็วๆ นี้
หนุนเกษตรกร – บมจ.สยามแม็คโคร โดย ศิริพร เดชสิงห์ รอง ปธ.จนท.บห. สายงานการสื่อสารองค์กร เปิดตัว โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด เดินหน้ารับซื้อสินค้าเกษตร ผัก-ผลไม้-สินค้าประมง ผ่านการรับซื้อตรงอย่างต่อเนื่อง หลังลงนามเอ็มโอยูกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยมี วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานในพิธี ณ แม็คโคร สาขานครอินทร์ เมื่อเร็วๆ นี้
ช่วยดูแล – กัญจน์ณัฎฐ์ สังข์นาค หัวหน้ากลุ่มภารกิจอำนวยการ กองบริหารการสาธารณสุข รับมอบหน้ากากอนามัย 10,000 ชิ้น จาก นลินทิพย์ สร้างเอี่ย และภาสพรรณ วงศ์รัตนาวิน ผู้แทนบริษัท ซิกป้า (ประเทศไทย) เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางแพทย์ ณ รพ.บุษราคัม อาคาร ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อเร็วๆ นี้
สนับสนุน – บมจ.เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย หรือเอ็นพีเอส ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน ปลูกได้ สนับสนุน หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย มอบกระดาษ A4 จำนวน 680 รีม A5 จำนวน 600 รีม และหน้ากากอนามัย 100 กล่อง เพื่ออำนวยความสะดวก ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่มาฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยมี ผช.ศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้รับมอบ ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
สู้โควิด – กลุ่มบริษัทรองเท้า เอส.ซี.เอส. นำโดย วิษณุ วงศ์วีระนนท์ชัย รอง กก.ผจก. มอบเสื้อกาวน์ป้องกันการติดเชื้อ จำนวน 5,000 ชุด ให้กับแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานเชิงรุกเร่งช่วยเหลือและตรวจคัดกรองประชาชนในพื้นที่ชุมชนคลองเตย เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ ศูนย์บริการสาธารณสุข ๔๑ คลองเตย เมื่อเร็วๆ นี้
…ครั้งอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่าสะท้อนอาการปริร้าวใน พรรคร่วมรัฐบาล ชัดเจนแล้ว อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ยิ่งอล่างฉ่างเข้าไปใหญ่ ไม่เพียง ส.ส. จาก ภูมิใจไทย และ ประชาธิปัตย์ ออกมาชี้ให้เห็นความเหลวไหลของการใช้เงินที่ ประเทศชาติต้องเป็นหนี้เป็นสิน ไปอย่างสูญเปล่าเท่านั้น ยังมี พลังประชารัฐ ที่ชี้กลับไปให้เห็นความเหลวแหลกของ ภูมิใจไทย ชนิดที่ต้องสรุปว่า หากทำงานร่วมกันอยู่ได้ก็พิลึกกึกกือแล้ว
…เสถียรภาพของรัฐบาล ย่อมต้องอาศัย เอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่าน ไม่เคยมีที่จะ ต่างพรรคต่างชี้หน้ากันให้ประชาชนได้เห็นความผิดพลาดว่าไม่ใช่เกิดจากพรรคตัวเอง กลายเป็นว่า เพื่อนร่วมรัฐบาล ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ฝ่ายค้าน พูดถึงความไร้ประสิทธิภาพการบริหารวิกฤตประเทศ โดยชี้ให้เห็น การเอาแต่แจกเงิน โดยไร้มาตรการฟื้นฟูธุรกิจ โดยยกรูปธรรมชัดเจนที่ว่าหนักแล้ว ที่ พรรคร่วมรัฐบาล ใส่กันไม่ยั้ง ยิ่งแสดงถึงอาการ ไม่ไหวแล้ว ให้เห็นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ในสภาวะ มองหน้ากันยาก แล้วเช่นนี้ ถ้ายังทำงานร่วมกัน ย่อมหนีไม่พ้นต่างคนต่างอยู่ ซึ่งคงต้องถามตัวเองว่า ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร
…ที่อภิปรายได้เห็นภาพมากๆ คือ กรวีร์ ปริศนานันทกุล จาก ภูมิใจใทย ด้วยการอธิบายว่า ที่ต้องกู้ ไม่ใช่แค่กู้เงิน ต้องกู้หน้า นายกรัฐมนตรี ต้องกู้ความเชื่อมั่นในรัฐบาลนี้กลับมา สะท้อนถึงอาการ เสียหน้าอย่างหมดสภาพ ซึ่งหากฟังฝ่ายค้านไม่ว่า
เพื่อไทย หรือ ก้าวไกล จะชัดว่า หมดเวลาที่จะอาศัยความชอบ ความชังส่วนตัว
มาเสี่ยงกับให้ประเทศต้องเผชิญกับ ความสิ้นหวัง อีกต่อไปแล้ว
…แม้ วิษณุ เครืองาม นักกฎหมายมืออาชีพ จะสรุปไว้ว่าหาก พ.ร.ก.ไม่ผ่าน
ต้องยุบสภา แต่นั่นเป็นหลักการ ที่เป็นไปได้ว่า แม้จะมองเห็นว่าเป็น พ.ร.ก.ที่เลวร้ายต่ออนาคตของประเทศแค่ไหน แต่ในนิยามของ อยู่เป็น คือ มีส่วนร่วมในอำนาจไว้ก่อน ที่สุดแล้ว พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด แม้จะเห็น ความเลวร้าย ชัดเจนแค่ไหน
แต่ที่สุดจะโหวตให้ผ่าน เหมือนที่เคยทำมาแล้วกับ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ทว่าโดยสามัญสำนึกแล้ว ย่อมตัดสินใจได้ว่าเพื่อไม่ให้เสียหาย และนับถอยหลังไปมากกว่านี้
ยุบสภา ควรเป็นทางออกที่ดีที่สุดต่อประเทศชาติหรือไม่
…ทว่าท่ามกลางความสิ้นหวังในทุกมิติเช่นนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกฟัง ส.ส.ตัวเอ้ จาก พลังประชารัฐ อย่าง ไพบูลย์ นิติตะวัน ที่การอภิปรายทุกถ้อยความ ไม่ได้มีสาระอะไรมากกว่า อวยไส้แตก ถึงความดีงาม และ ยิ่งใหญ่ของ นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งวนอยู่ในนิยามของ คนดี มีความตั้งใจ จำเป็นต้องใช้เงิน
…พลังที่กดดันให้เปลี่ยนตัว ผู้นำประเทศ ที่ประสานทั้ง ในสภา และ นอกสภา เขม็งเกลียวหนักหนาขึ้น เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมรับรู้ถึงสัญญาณนั้นได้ เสียงที่บอกให้ทุกหน่วยงาน โชว์ผลงาน ให้ประชาชนได้รับรู้ และรำพึงถึงการอยู่อีก 1 ปี ทั้งที่วาระอยู่ที่ 2 ปี นั้น ย่อมสะท้อนถึงการตระหนักถึง ความอ่อนไหวที่เกิดขึ้น เชื่อว่าหลังจากคำพูดนี้ การเตรียมพร้อมเพื่อเลือกตั้งครั้งใหม่จะคึกคักขึ้น
…ในห้วงเวลาเช่นนี้ พรรคที่ต้องจับตาการขยับขับเคลื่อนที่สุดคือ ประชาธิปัตย์ ด้วยคู่ต่อสู้ที่มุ่งช่วงชิงฐานเสียงใหญ่ ปักษ์ใต้ คือ พลังประชารัฐ ที่เป็น แกนนำรัฐบาล การรักษาฐานที่มั่นสุดท้ายไว้โดยมี ลูกเด็ดขาด ย่อมเป็นไปได้ยาก ในยุคสมัยที่ กติกา และ กลไก ที่ใช้สำหรับช่วงชิงชัยชนะ ถูก ดีไซน์ และ จัดการ ให้ พลังประชารัฐ ได้เปรียบแบบทิ้งห่าง หาก ประชาธิปัตย์ จะพลิกความเก๋าทางการเมืองมาตอบโต้ หนทางข้างหน้าน่าอกสั่นขวัญแขวน
…ทำงานหนักทั้ง นิพนธ์ บุญญามณี และ อลงกรณ์ พลบุตร ที่คลุกทุกปัญหาประชาชน ลงมืออย่างกระตือรือร้นที่จะเข้าช่วยเหลือ แต่การเมืองที่ตัดสินกันด้วย พลังเงินและอำนาจที่เหนือกว่า อาวุธที่จะสู้เหลือเพียง อุดมการณ์ที่เชื่อมั่นในอำนาจประชาชน ชัดเจนในการยืนอยู่ข้างประชาชน น่าสนใจยิ่งว่าที่ทำอยู่ พอที่จะต้านพลังเงินและกลไกอำนาจ ได้หรือไม่
ชโลทร