กกต. เผยยอดใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ. 58.45% เตรียมเลือกตั้ง ส.อบจ.ใหม่ 4 เขต 4 จังหวัด เหตุได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ยันตัดสินใจไม่ผิดเคาะหย่อนบัตรวันเสาร์ พบ 6 จังหวัดส่งหีบเกินเวลา มี กปน.ดับ ระหว่างนำส่งคะแนน ไม่ขอพูดแทนคนกา ‘โหวตโน’ พุ่ง ระบุเป็นการแสดงความรู้สึกของ ปชช. แง้มบัตรเขย่ง 5 แห่ง รอจังหวัดชงนับ-หย่อนบัตรใหม่
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2568 ว่าในส่วนของการเลือกตั้งนายก อบจ. มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าลดลงจากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนนี้เป็นบัตรดี 14,272,694 ใบ คิดเป็น 87.23 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบัตรเสีย 931,290 ใบ คิดเป็น 5.69 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเกือบจะเท่ากับปี 2563 ที่มีบัตรเสียอยู่ที่ 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08 เปอร์เซ็นต์
นายแสวงกล่าวว่า ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส.อบจ.มี 47,124,842 คน มาใช้สิทธิ 26,418,754 คน คิดเป็น 56.06 เปอร์เซ็นต์ โดยเป็นบัตรดี 23,131,324 ใบ คิดเป็น 87.56 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 1,488,086 ใบ คิดเป็น 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,799,344 ใบ คิดเป็น 6.81 เปอร์เซ็นต์
“จากข้อมูลที่เห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยและไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อาจเป็นเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์นั้น เรื่องนี้เคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดที่ข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพบว่ามี 6 จังหวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ส่งรายงานผลคะแนนและหีบบัตรเกินเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 1 ก.พ. ดังนั้นแล้วสะท้อนว่าสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเลือกตั้งในวันเสาร์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
ขณะเดียวกันเราได้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งครั้งนี้ก็เกิดเหตุมีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างส่งหีบบัตร ซึ่งผมขอแสดงความเสียใจ และทาง กกต.จะดูแลตามสิทธิที่ กปน.ควรจะได้รับ” นายแสวงระบุ
นายแสวงกล่าวว่า ในส่วนของจำนวน “บัตรเสีย” ยืนยันว่าไม่ต่างจากปี 2563 โดยบัตรเสียจากการเลือกนายก อบจ. ถือว่าเท่ากับปี 2563 ขณะที่บัตรเสียจากการเลือกสมาชิก อบจ.ครั้งนี้มีน้อยกว่าเมื่อครั้งปี 2563 อยู่ที่ 7.63 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจากการได้รับข้อมูลพบว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากระบบที่ทำให้เบอร์ของผู้สมัครนายก อบจ.กับ ส.อบจ.ที่ส่งในนามพรรค อาจทำให้มีจำนวนผู้สมัครไม่เท่า เพราะบางจังหวัดเลือกตั้งเฉพาะ ส.อบจ. บางจังหวัดก็เลือกตั้งทั้ง 2 ประเภท ทำให้ประชาชนอาจสับสน ลงคะแนนในช่องที่ไม่มีผู้สมัคร ซึ่งมองได้ว่าไม่ได้เป็นการตั้งใจทำให้บัตรเสีย ขณะเดียวกันยังมีการแบ่งเขตใหม่ จึงทำให้ประชาชนสับสน ส่วนที่ตั้งใจทำให้เป็นบัตรเสียนั้นมีส่วนน้อย
นายแสวงกล่าวอีกว่า สำหรับ “บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร” หรือ โหวตโน มีจำนวนมาก กกต.คงไปตอบแทนประชาชนไม่ได้ แต่ช่องนี้น่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกของประชาชนต่อผู้สมัครในเขตนั้นๆ ซึ่งครั้งนี้ ส.อบจ.ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนตามที่กฎหมายกำหนด 3 เขต คือได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด ประกอบด้วย จ.สุพรรณบุรี อ.เมือง เขตเลือกตั้งที่ 1, จ.ตรัง อ.เมือง เขตเลือกตั้งที่ 2 และ จ.ชุมพร อ.สวี เขตเลือกตั้งที่ 4
นายแสวงกล่าวด้วยว่า และมีอีก 1 เขตที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครถูกตัดสิทธิไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งคือ จ.ชัยนาท อ.วัดสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 1 ดังนั้น ทั้ง 4 จังหวัดนี้ต้องเลือกตั้งใหม่ โดยผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด จะต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง และดำเนินการรับสมัครใหม่ในเขตเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้ ยังพบว่า มี 4-5 จังหวัดที่พบจำนวนบัตรกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิจำนวนไม่ตรงกัน (บัตรเขย่ง) ซึ่งตรงนี้ทางจังหวัดต้องพิจารณาและเสนอมาที่ กกต.ว่าสมควรจะให้นับคะแนนใหม่ หรือลงคะแนนเลือกตั้งใหม่
เมื่อถามว่า พรรคประชาชน (ปชน.) จะเสนอให้มีการนับคะแนนเลือกนายก อบจ.ที่ จ.เชียงใหม่ และสมุทรปราการ เนื่องจากเห็นว่ามีจำนวนบัตรเสียเยอะ นายแสวงกล่าวว่า เรื่องการนับคะแนนใหม่มีหลักเกณฑ์อยู่ เช่น ระหว่างการนับคะแนนมีการทักท้วงและมีการทำบันทึกไว้หรือไม่ ซึ่งต้องไปพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์นั้นหรือไม่ ส่วนเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง ทั้งที่ปรากฏทางสื่อช่องทางต่างๆ นั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน และล่าสุดจำนวนเรื่องร้องเรียนมี 180 เรื่อง