ลำพูน-พะเยา ยืน 1 ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.มากสุด กกต.ยันตัดสินใจไม่ผิด เคาะหย่อนบัตรวันเสาร์
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.2568
โดยช่วงหนึ่งนายแสวงกล่าวถึงการจัดเลือกตั้ง “วันเสาร์” ว่า จากข้อมูลที่เห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อย (58.45% ลดลงจากปี 2563 ราว 4%) และไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อาจเป็นเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์นั้น เรื่องนี้เคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดที่ข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพบว่ามี 6 จังหวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ส่งรายงานผลคะแนนและหีบบัตรเกินเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 1 ก.พ. ดังนั้นแล้วสะท้อนว่าสิ่งที่เราได้ตัดสินใจเลือกตั้งในวันเสาร์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
นายแสวงกล่าวว่า ดังนั้น การกำหนดวันเลือกตั้งต้องตัดสินใจบนพื้นฐานที่ไม่กดดันการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด้วย และการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันขันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กติกาเดียวกัน อีกทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าการจัดเลือกตั้งปี 2563 เพียง 4% แต่ถ้าเทียบการจัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์คราวนี้กับครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. 29 จังหวัดไปก่อนหน้านี้ที่จัดวันอาทิตย์ ถือว่าครั้งนี้ดีกว่า
สำหรับ จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ. และนายก อบจ.ใน 47 จังหวัด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ลำพูน คิดเป็น 73.43 เปอร์เซ็นต์ 2.นครนายก คิดเป็น 73 เปอร์เซ็นต์ 3.พัทลุง คิดเป็น 72.56 เปอร์เซ็นต์ 4.นราธิวาส คิดเป็น 68.42 เปอร์เซ็นต์ และ 5.มุกดาหาร คิดเป็น 68.03 เปอร์เซ็นต์
จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแค่ ส.อบจ.ใน 29 จังหวัด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.พะเยา คิดเป็น 61.68 เปอร์เซ็นต์ 2.เลย คิดเป็น 58.04 เปอร์เซ็นต์ 3.เพชรบุรี คิดเป็น 57.44 เปอร์เซ็นต์ 4.ยโสธร คิดเป็น 56.72 เปอร์เซ็นต์ และ 5.ชัยนาท คิดเป็น 56.63 เปอร์เซ็นต์