พันธุ์อาจ ร้องกกต. ขอนับคะแนนใหม่ ตั้งข้อสังเกตกระบวนการนับคะแนน ทบทวนบัตรเสีย 41,000 ใบ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานคณกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำ จ.เชียงใหม่ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ อดีตผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ พรรคประชาชน พร้อม นายชนัตถ์ สุทธสุวรรณ อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.อ.ดอยสะเก็ด เขต 1 เดินทางมายื่นหนังสือ เพื่อให้มีการนับคะแนนใหม่ และให้ตรวจสอบบัตรเสีย ที่มีจำนวนมากว่า 41,000 ใบ ในการเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ โดย นายกฤษณ์ ไชยมาลา รองผู้อำนวยการ กกต.เชียงใหม่ ออกมารับหนังสือร้องเรียนจากตัวแทนพรรคประชาชน
นายกฤษณ์ ให้ข้อมูลว่า ได้รับหนังสือของผู้ร้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน คาดว่าต้องใช้เวลา เนื่องจากการรายงานผลการนับคะแนนในคืนวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา มีข้อเท็จจริงอยู่ และหน่วยเลือกตั้งมีมากกว่า 2,724 หน่วย ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องต้องการให้ตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งไหน โดยผลการตรวจสอบจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ทั้งนี้ กกต.มีระเบียบว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นอยู่ การนับคณะก็เป็นไปตามที่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งดำเนินการ โดย กกต.ได้จัดอบรมและให้ความรู้ไปแล้ว ในส่วนที่ผู้ร้องขอให้ตรวจสอบเรื่องการนับคะแนน หรือการขานคะแนนไม่ถูกต้อง กกต.ก็มีระเบียบการสืบสวน และการไต่สวนเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด ส่วนที่จะให้ผู้สมัครทักท้วงหากเห็นว่าการขานคะแนนของกรรมการประจำหน่วยไม่ถูกต้องอย่างไร ก็ให้ทักท้วงในขณะที่นับคะแนนทันที และกรรมการจะหยุดนับ รับคำทักท้วงมาดำเนินการ รวมทั้งบันทึกในสมุดหมายเหตุเป็นหลักฐาน
เบื้องต้นได้รับคำร้องไว้ตรวจสอบก่อนเพราะยังไม่ทราบรายละเอียดที่ผู้ร้องต้องการตรวจสอบ โดยจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดภายใต้ระเบียบที่ กกต.มีตามกรอบของกฎหมาย ซึ่ง กกต.ได้รวบรวมผลการนับคะแนนที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะชน รายงานให้ กกต.กลางไปแล้ว จึงอยู่ที่ กกต.จะพิจารณา และมีมติ หรือมีคำสั่งอีกครั้ง
ส่วนเรื่องร้องเรียนการทุจริตเลือกตั้ง อบจ.เชียงใหม่ ขณะนี้ยังสามารถร้องเข้ามาได้ จึงไม่ทราบว่ามีการร้องเรียนเข้ามาเพิ่มหรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่จากข้อมูลก่อนหน้านี้มีประมาณ 3 เรื่อง ส่วนปัญหาเรื่องบัตรเสีย ก็มีเกิดขึ้นทุกครั้งในการเลือกตั้ง และครั้งนี้ กกต.ก็พยายามหาสาเหตุอยู่ว่าเกิดจากอะไร
ด้านนายพันธุ์อาจ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากพรรคให้มายื่นเรื่องเพื่อขอนับคะแนนใหม่ ในส่วนของบัตรเสียที่มีจำนวนมากถึง 41,000 ใบอีกครั้ง เพราะมองจากครั้งที่ผ่านมาแม้มีบัตรเสีย 41,000 กว่าใบเท่ากัน แต่ครั้งที่แล้วเป็นการเลือกตั้งวันอาทิตย์ มีประชาชนมาใช้สิทธิสูงถึง 72% แต่ครั้งนี้ลดลงเหลือ 66% ทำให้เห็นว่าบัตรเสียมีจำนวนสูงขึ้น จึงอยากให้แต่ละเขตมีการตรวจสอบว่าบัตรเสียให้ชัดเจน
“พรรคอยากให้ตรวจสอบในภาพรวมทั้งจังหวัด และอดีตผู้สมัคร ส.อบจ.ของพรรค จะทยอยยื่นเรื่องในระดับเขตเพิ่มเติมด้วย สิ่งที่อยากตั้งข้อสังเกตเรื่องบัตรเสีย 2 ข้อ คือ มีการพูดถึงกระบวนการนับคะแนน ที่หน้าหน่วยเลือกตั้งจะมีเอกสารข้อมูลตัวอย่างบัตรเสียติดอยู่ ซึ่งบัตรเสียก็มีจำนวนเยอะมาก อาจสร้างความสับสนให้กับประชาชน และ 2 การขานคะแนน บางหน่วยเลือกตั้งได้รับข้อมูลจากประชาชนว่าขานคะแนนกันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงอยากให้ทบทวนบัตรเสียจำนวน 41,000 ใบอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เพราะอาจมีบัตรดีอยู่เยอะพอสมควร” นายพันธุ์อาจ กล่าว
นายพันธุ์อาจ กล่าวอีกว่า จำนวนบัตรเสีย 41,000 ใบ ไม่ได้ลดลงเลย กกต.จึงต้องให้คำตอบกับสังคม วันนี้ที่พรรคมายื่นหนังสือไม่ใช่แค่ประเด็นที่พรรคสนใจ แต่ประชาชนชาวเชียงใหม่ก็ให้ความสนใจและทักท้วงมาที่พรรคจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องของความกระจ่างและความโปร่งใสในการดำเนินการ ขณะเดียวกันวิธีการนับคะแนนแบบนี้อาจไม่ได้ตอบคำถามพัฒนาการทางการเมืองของประชาชนต่อไป กกต.จำเป็นต้องใส่นวัตกรรมทางการเมืองเข้าไป เพื่อดูแลกระบวนการเลือกตั้ง การนับคะแนน และการใช้ดุลพินิจของกรรมการประจำหน่าย เพราะ 4 ปีก่อนก็เป็นแบบนี้ ปีนี้ก็ยังเป็นแบบเดิม จึงต้องตอบคำถามประชาชนว่าจะมีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร รวมทั้งการเปลี่ยนวันเลือกตั้งมาเป็นวันเสาร์ ก็ทำให้ผู้มาใช้สิทธิในเชียงใหม่ลดลงไปเยอะมาก จากที่เคยเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอัตราส่วนการใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง 72% แต่ครั้งนี้ลดเหลือ 66%