เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการส่งตัวผู้หนีภัยจากการสู้รบ ที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่พักพิงชั่วคราวในแนวชายแดนไทย-เมียนมา ตามมติที่ประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่ามีชาวเมียนมาหนีภัยสงครามมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยประมาณ 199,700 แสนคน อาศัยอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว 9 แห่ง ได้แก่ แม่ฮ่องสอน 4 แห่ง ตาก 3 แห่ง กาญจนบุรี 1 แห่ง ราชบุรี 1 แห่ง นับตั้งแต่ปี 2558 มีการส่งกลับประเทศแล้ว 2 ครั้ง รวม 164 ราย ล่าสุดคณะทำงานร่วมไทยและเมียนมา มีการประชุมพร้อมทำข้อตกลงร่วมกัน โดย 1.คณะทำงานจะทำงานร่วมกันอย่างเป็นมิตร เพื่อส่งผู้หนีภัยกลับประเทศอย่างยั่งยืน 2.ทางการเมียนมาจะจำแนกประเภทของผู้หนีภัย เพื่อลดขั้นตอนของการพิสูจน์ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่สามารถยืนยันถิ่นกำเนิดได้อย่างชัดเจน กลุ่มที่มีจุดหมายปลายทางในการกลับไปตั้งรกราก และกลุ่มที่มีความต้องการด้านวิชาชีพ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า คณะทำงานร่วมเห็นว่าการส่งผู้หนีภัยกลับประเทศ ควรส่งผ่านจุดผ่านแดนที่ใกล้จุดพักพิงมากที่สุด ในจุดผ่านแดน 2 แห่ง ได้แก่ ด่านพรมแดนแม่สอด-เมียวดี จ.ตาก และจุดผ่านแดนพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี โดยกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งงบประมาณสนับสนุนไว้ที่ 3.5 ล้านบาท เรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายกฯ ได้ประกาศนโยบายว่าไทยจะช่วยเหลือประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยสงครามตามกติกาสากล
