‘สมชัย’ นั่งรักษาการคณบดีรัฐศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ รับปากจะทุ่มเทเต็มที่

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต. เผยแพร่คำสั่งมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เรื่องแต่งตั้งรักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ โดยระบุว่า ศ.ดร.เรืองวิทย์ เกษสุวรรณลาออกจากการเป็นรักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ จึงได้แต่งตั้งให้ รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร เป็นรักษาการแทนคณบดีสำนักวิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์

นายสมชัยยังเปิดเผยอีกว่า “บินหลา คืนถิ่น…สี่สิบเอ็ดปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๒๐) ผมเดินทางคนเดียวโดยรถไฟชั้นสามจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ไปยังชุมทางหาดใหญ่ เพื่อไปเป็นสมาชิกใหม่ของคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ท่ามกลางความรู้สึกห่วงใยของครอบครัวว่าจะต้องไปพักอาศัยในแดนไกลกับเพื่อนนักศึกษาที่ไม่รู้จักกันมาก่อนในหอพักของมหาวิทยาลัย หลังจากนั้น ผมใช้เวลาสี่ปีในการศึกษาพร้อมไปกับการเรียนรู้ชีวิต ผู้คน ชุมชน สังคมในภาคใต้ ออกค่ายอาสาพัฒนาเมื่อมีโอกาส เข้าพื้นที่ชนบทในหลายจังหวัดชายแดนใต้ ทำกิจกรรมหลากหลายกับเพื่อนในและต่างมหาวิทยาลัยที่ทำให้เรารู้จักตัวเราและสังคมชาวใต้ที่มากขึ้น

“ผมมีจักรยานและกล้องถ่ายรูป เวลาที่ว่างคือปั่นจักรยานไปหามุมภาพที่สวยๆเพื่อบันทึกไว้ เคยปั่นคนเดียวไปไกลสุดจากหาดใหญ่ไปสงขลา และ ลงแพข้ามไปเขาหัวแดง ฝั่งสทิงพระ และปั่นกลับหาดใหญ่ เคยใฝ่ฝันจินตนาการจะปั่นกลับกรุงเทพแต่เพื่อนๆคนใต้ห้ามไว้ ว่าไกลและไม่ไหวหรอก ซึ่งจริงๆก็คงไม่ไหว แต่ยังเก็บมาเข้าฝันอยู่อีกหลายครั้ง ชีวิตสี่ปีของผมช่วงนั้นจึงพันผูกกับภาคใต้อย่างแนบสนิท ข้าวแกงที่ตลาดกิมหยงพร้อมน้ำพริกกะปิและผักเคียงคือเจ้าประจำของผม ขนมจีนที่สวนสาธารณะหาดใหญ่พร้อมผักจานใหญ่ที่แล้วแต่ความสามารถบริโภคก็เป็นอะไรที่เคยไปลองอยู่เนืองๆ ไก่ทอดพร้อมหอมทอดและข้าวเหนียวที่ไปทานที่ไหนก็ไม่มีเหมือนเป็นอาหารค่ำอยู่เป็นนิตย์ ผมเริ่มฟังภาษาใต้ได้บ้าง แม้จะพูดไม่ได้ก็ตาม

“หลังจากจบการศึกษา ผมมีโอกาสได้ลงไปอีกหลายครั้ง ทั้งไปสอนหนังสือให้ มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในจังหวัด สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ทุกครั้งที่มีการติดต่อมา ผมไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าในบางจังหวัดเป็นพื้นที่ที่คนทั่วไปคิดว่าน่ากลัวในเหตุการณ์รุนแรงไม่กล้าลงไปก็ตาม แต่ผมรู้สึกคุ้นเคยกับเมืองเหล่านี้ รู้จักถนน รู้จักตลาด รู้แหล่งของกิน จึงรับปากลงไปทุกครั้งที่มีการติดต่อมา

Advertisement

“ความผูกพันกับภาคใต้ จึงเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายว่าทำไมจึงคิดหรือรู้สึกเช่นนั้น ๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ คือ โอกาสใหม่อีกครั้งหนึ่ง ที่ผมจะกลับไปใกล้ชิดกับสิ่งที่เคยห่างมา คราวนี้คือโอกาสเต็มๆในการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์คืนกลับยังภาคใต้ที่ผมเคยร่ำเรียนศึกษา ให้ความรู้ความคิด จนกลายเป็นตัวตนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน วัยเกือบหกสิบปีกับประสบการณ์ร้อนหนาวที่ผ่านมามากมาย จะเริ่มต้นอีกครั้งในการทุ่มเทบางสิ่งบางอย่างในด้านการศึกษาให้กับภาคใต้ “ให้สมนามา ว่าลูกสงขลา นครินทร์ยิ่งใหญ่ พระราชบิดรผู้เกรียงไกร เหนือหัวใจแห่งเรา” รับปากว่า จะทุ่มเทเต็มที่ครับ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image