‘สามมิตร’ ป้อง คสช.ไม่สองมาตรฐาน งัดคลิปโต้ 4 พรรคใหญ่ ย้ำสามมิตรไม่แตกต่างพรรคอื่น

‘แกนนำกลุ่มสามมิตร’ ป้อง คสช. ไม่สองมาตรฐาน โต้ 4 พรรคใหญ่ ก่อนกล่าวหาใครให้ย้อนดูตัวเองก่อน พร้อมขอนักการเมืองอดทนเพื่อเข้าสู่โหมด ลต.อย่างสร้างสรรค์

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 สิงหาคม ที่ร้านอาหารกินเส้น จ.นนทบุรี นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า จากการที่กลุ่มสามมิตรดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน 2561 โดยมีแนวทางในเรื่องความปรองดองของกลุ่มการเมืองและกลุ่มสังคมต่างๆ ดำเนินการรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อสะท้อนไปยังรัฐบาลตามแนวทางของกลุ่มเรา จนทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คสช.มีสองมาตรฐานให้กลุ่มสามมิตรดำเนินการได้เพียงกลุ่มเดียวโดยไม่มีการห้ามปราม แต่วันนี้กลุ่มการเมืองก็ดำเนินการเช่นเดียวกับกลุ่มสามมิตร แต่ คสช.ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรด้วย ในวันนี้ที่มาแถลงข่าวไม่ได้จะว่าใครหรือกลุ่มไหนทำได้กลุ่มไหนทำไม่ได้ แต่ไม่อยากให้ทุกคนลืมบริบทของตัวเองที่เคยทำมา โดยนายอนุชาได้นำเอาภาพข่าว คลิปวิดีโอ การทำกิจกรรมทางการเมือง ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย พร้อมคำให้สัมภาษณ์ของแกนนำพรรคที่ออกมาในช่วงคำสั่ง คสช. เช่นเดียวกับกลุ่มสามมิตรที่ปฏิบัติไม่แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ มาเปิดให้ผู้สื่อข่าวได้รับทราบ พร้อมกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของภาคการเมืองปกติ หลายพรรคอาจไม่ได้ดูพรรคตัวเองว่าทำอะไรมาบ้างในอดีต จึงเผอเรอวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น

นายอนุชากล่าวว่า กลุ่มสามมิตรประพฤติปฏิบัติไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากกลุ่มการเมืองกลุ่มอื่นเลย แล้ว คสช.ก็ไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือมีสองมาตรฐานแต่อย่างไร ทั้งนี้ การปฏิวัติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันต่างก็ต้องการการป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย โดยเฉพาะช่วงรัฐประหารใหม่ๆ ก็จะมีความเข้มงวดในคำสั่งต่างๆ แต่พอเข้าสู่สถานการณ์ปกติก็มีความผ่อนคลาย ดังนั้น ตนมองว่ามันเป็นบริบทของการเมืองที่อยู่ในระหว่างยังเป็นคำสั่งของ คสช. หรือกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตย ซึ่งตอนนี้ตนอยากให้นักการเมืองอดทนเพื่อเข้าสู่โหมดเลือกตั้งที่เราตั้งความหวังไว้ และเดินไปสู่การเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ แต่หลังจากนั้นเลือกตั้งแล้วใครจะไปทำอะไรก็ค่อยไปว่ากันอีกที แต่อยากให้เราถอยหลังคนละก้าวเพื่อนำพาบ้านเมืองไปสู่เป้าหมายคือประชาธิปไตยที่ดีขึ้น เราจำเป็นต้องเดินไปสู่ประชาธิปไตย อะไรที่จะเกิดขึ้นมันเป็นบริบทภาคบังคับที่รัฐธรรมนูญดีไซน์ขึ้นมา ชอบหรือไม่ชอบก็ให้มาว่ากันในวิถีประชาธิปไตยดีกว่า

“ทุกอย่างมันเป็นบริบทที่แตกต่างจากระบบประชาธิปไตยหลายๆ ซีกโลก แต่ทุกบริบทก็สร้างมาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ถ้าทุกคนเข้าใจและปฏิบัติตามได้จะเป็นเรื่องดีบ้านเมืองสงบเรียบร้อยไม่มีประชาชนมาเดินตามท้องถนนแล้วเสียเลือดเสียเนื้อ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะกลับไปในจุดเดิมและคงต้องหันกลับมาดูบริบทของนักการเมืองว่าทำถูกต้องแล้วหรือไม่ ซึ่งตนก็เคยโดนตัดสิทธิทางการเมือง แต่ก็ไม่เคยออกมาเคลื่อนไหวใดๆ และก็ยอมอดทนจนถึงวันนี้ ที่ได้มาพูดการเมืองอย่างปกติ” นายอนุชากล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image