เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 5 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสู้ศึกการเลือกตั้ง ซึ่งมีบางกระแสบอกว่านายกรัฐมนตรีได้เรียกรัฐมนตรีบางตำแหน่งให้มาเซ็นใบลาออกแล้วว่า ตนไม่รู้เรื่องเลย ไม่จริง และยังไม่เห็นนายกฯพูดคุยอะไร มีแต่สื่อคิด ยืนยันว่าไม่ได้ดึงนักการเมืองภาคอีสานที่มีความสนิทสนมกับตนเข้ามา ส่วนการปรับ ครม.ก่อนการเลือกตั้งนั้น ตนคิดว่านายกฯคงไม่ปรับ นอกจากจะมีคนลาออก
เมื่อถามว่า ส่วนที่บอกว่าถ้ามีคนลาออกก็จะมีการปรับ ครม.นั้นจะเป็นนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีกระแสข่าวจะลาออกไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 15 กันยายนนี้หรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ และตนก็ไม่รู้เรื่องที่พรรคดังกล่าวจะมีการประชุมพรรค ตนจะไปรู้เรื่องอะไรการเมือง เราไม่ใช่นักการเมือง
เมื่อถามว่า หากมีการตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม จะมีการปรับ ครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยัง เขาพยายามให้เกิดในรัฐบาลนี้ แต่ก็มีรัฐมนตรีช่วยอยู่คงไม่ต้องอะไรมาก แต่นี่เป็นการคิดเอาเองและยังไม่ทราบรายละเอียด
เมื่อถามต่อว่าหากมีการลาออก คนที่จะเข้ามารับตำแหน่งใหม่จะต้องเป็นคนที่ช่วยงานรัฐบาลในการเลือกตั้ง หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของนายกฯ และไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เมื่อถามย้ำว่าจะมีการเกลี่ยคนในส่วนของทหารที่เป็นโควต้าของท่าน เพื่อให้คนที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามา พล.อ.ประวิตร ย้อนถามกลับว่า “ตอนนี้ใครไม่เชี่ยวชาญ คนไหนเชี่ยวชาญมากบอกมาสิ” ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ท่านนายกฯ เชี่ยวชาญที่สุด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ดีแล้ว ท่านทำคนเดียวได้อยู่แล้ว”
เมื่อถามอีกว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไปยังจะอยู่ช่วยงานนายกฯต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “แล้วนายกฯเขาได้หรือยัง ในอนาคตก็แล้วแต่นายกฯว่าเขาจะเอาหรือไม่” ส่วนถ้านายกฯอยากให้ช่วยต่อพร้อมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เขายังไม่พูด ผมจะไปบอกได้อย่างไร คงต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจน ทุกอย่างแล้วแต่นายกฯ”
เมื่อถามอีกว่ายังสู้ไหวหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบทีเล่นทีจริงว่า “ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 74 แล้วและงานของผมก็ถือว่าจบแล้ว เพราะผลงานความมั่นคงสื่อมองว่าทำได้ดีหรือไม่ ส่วนอนาคตจะไปต่อหรือไม่นั้น ก็ยังไม่รู้ ที่มีการพูดว่าหากไม่ใช่ผมจะเอาทหารตำรวจไม่อยู่นั้น คนอื่นมีเยอะแยะไป”
