นายกฯ ย้ำ ทำแน่ระบบทางคู่1เมตร ยันไม่ซ้ำซ้อนรถไฟความเร็วสูง

แฟ้มภาพ

นายกฯ ย้ำ พัฒนาระบบทางคู่ไม่ซ้ำซ้อนรถไฟความเร็วสูง ดีใจราคายางปรับสูงขึ้น ย้ำ ผลิตใช้ยางในประเทศ ลั่น เคลียร์งานก่อนหมดอายุรัฐบาล

เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการพัฒนาระบบทางคู่ ขนาดทาง 1 เมตร ว่า จะทำแน่นอน ซึ่งทำในทางคู่เดิม ไม่ได้ซ้ำซ้อน เพราะคนละความมุ่งหมาย ซึ่ง 1 เมตรต้องทำให้เกิดทางคู่สัญจรไปมาได้ และรองรับในเรื่องความเร็วมากขึ้น ทั้งรถจักร หัวรถไฟ ตู้รถไฟ ในอนาคตต้องทำให้สมบูรณ์ ซึ่งเป็นคนละอย่างกับรถไฟความเร็วสูง ที่ทำในระยะแรกเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องอนาคต ถ้าสามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ก็ค่อยต่อไป เพราะถ้าเราสร้างมากต้องใช้เงินมาก ตนเป็นห่วงเรื่องนี้ และต้องดูว่าจะเกิดประโยชน์อะไรขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะทำให้เรามีรายได้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้พอสมควร เพราะในต่างประเทศเอง ระยะแรกก็พบว่าขาดทุน แต่ต่อมาเมื่อเติบโตขึ้นมีการค้าขาย 2 ข้างทางมากขึ้น รายได้ก็กลับมาสู่ประชาชนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ระหว่างการพิจารณา และเสนอพิจารณางบประมาณจากครม.ต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดีใจและน่ายินดีที่ราคายางพาราสูงขึ้น ตั้งแต่ราคา 60-62 บาท ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการหารือและประชุมร่วมกับประเทศจีน และมาเลเซีย เรื่องการผลิตใช้ยาง กว่า 1.6 แสนตัน ให้ได้โดยเร็ว โดยจะมีการนำยางมาใช้ในประเทศอย่างน้อยเกือบ 2 แสนตัน ซึ่งจะทำให้เร็วในรับเบอร์ซิตี้ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ จะได้ไม่ส่งออกเพียงอย่างเดียว ซึ่งหลายอย่างจะเกิดขึ้นในปีนี้ถึงปีหน้า และขณะนี้มีนักลงทุนรายใหม่ที่สนใจจะมาลงทุนกับเรา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้สั่งการถึงสิ่งที่จะทำใน 2 ปี ระหว่างปี 2559 ถึง ปี 2560 จะต้องชัดเจนว่าอะไรต้องทำต่อในแผนปฏิรูป และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือตามแผนสภาพัฒน์ แผนละ 5 ปี อีก 4 แผน โดยนำเอางานทั้ง 11 วาระงานของคสช. และ อีก 37 วาระงานของสภาปฏิรูปประเทศ มาสร้างความชัดเจนว่าสิ่งใดที่จะทำหรือจะมีผลผูกพันต้องทำต่อในระยะเวลาที่ไม่ยาวนัก เพราะเราต้องให้ดำเนินการในช่วงที่รัฐบาลนี้ยังอยู่จะได้ไม่เป็นภาระมากนัก และจะได้สอดคล้องกับการทำปีงบประมาณ ปี60 ซึ่งจะผูกพันไปปีงบประมาณปี 61 ถึงแม้ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ต้องทำงบประมาณตรงนี้ไว้ ซึ่งต่อไปเป็นเรื่องของรัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะไปทำอะไรก็แล้วแต่เขา

Advertisement

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับวาระงานที่จะต้องทำให้เกิดความชัดเจนนั้น เช่น เรื่องการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข ประชานต้องรับรู้ให้ชัดเจนขึ้น ว่าจะมีการแก้ไขปรับปรุง อย่างไร ในอนาคตจะเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจอย่างไร รัฐจะอุดหนุนตรงไหน เพื่อให้เป็นทางเลือกประชาชน หากต้องการให้มีความสะดวกมากขึ้นอาจจะต้องผู้กับภาคเอกชน เราจะทำให้ดีขึ้น และยืนยันว่าจะไม่ลดของเดิมแน่นอน สำหรับปัญหารายรับรายจ่ายของรัฐบาลที่ยังไม่สมดุลตอนนี้ ก็ทำให้งบประมาณในการลงทุนน้อยจนทำอะไรได้น้อยมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image