“ตู่ จตุพร”นำทีมลงพื้นที่ภูเก็ต เปิดตัวผู้สมัครพรรคเพื่อชาติ พร้อมแจงแนวทางทำงานของพรรค

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ยิมเนเซียม 1 ศูนย์กีฬาสะพานหิน เทศบาลนครภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายจตุพร พรหมพันธุ์ พร้อมด้วยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ, นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร, นายอารีย์ ไกรนรา, นายไชยวัฒน์ ไกรฤกษ์, ดร.วิโชติ วรรณโณ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ ตลอดจนกรรมการบริหารลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต จัดเวทีพบปะกับพี่น้องชาวเลหรือชาวไทยใหม่แหลมตุ๊กแก และสมาชิกพรรคใน จ.ภูเก็ต จำนวนประมาณ 300 คน เพื่อหยั่งฐานเสียง พร้อมเปิดตัวผู้ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคทั้ง 2 เขต โดยเขต 1 ได้แก่ นายพลัฎฐ์ จันทรโศภิน และ เขต 2 ได้แก่ นายกชบดินฐ ภูมิพงศ์ โอกาสนี้ยังได้มีการชี้แจงแนวทางการทำงานของพรรคด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

โดยก่อนที่นายจตุพร และหัวหน้าพรรค พร้อมคณะจะเดินทางมาถึง ได้ส่งว่าที่ ร.ต.มนตรี เฉียบแหลม กรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ ในฐานะผู้เป็นพี่เลี้ยงในการเลือกประธานตัวแทนพรรคเพื่อชาติประจำจังหวัดภูเก็ตดำเนินการเลือกตัวแทนคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จ.ภูเก็ต ซึ่งปรากฎว่า นางฐษา จันทรโศภิน ได้รับเลือกให้เป็น ประธานคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จ.ภูเก็ต

นายจตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่นั้นพรรคเพื่อชาติได้เลือกพื้นที่ที่มีความยากลำบากมากในการเริ่มต้น ตั้งแต่การเปิดสาขาภาคที่ จ.นครศรีธรรมราช ต่อด้วย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามด้วย สงขลา สตูล พัทลุง สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง และภูเก็ต ยังเหลืออีก 3 จังหวัดก็จะครบทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ จากการลงพื้นที่ต่างๆ พบว่าพี่น้องชาวใต้มีความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของภูมิประเทศ อาทิ ราคายางพารา ราคา ปาล์มน้ำมัน การท่องเที่ยว เป็นต้น

จากพูดคุยกับทางหัวหน้าพรรคฯ ทราบว่าจะมีการส่งทีมลงพื้นที่เพื่อพบปะและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เพื่อนำมากำหนดเป็นนโยบายของพรรค ก่อนที่จะนำกลับมาเสนอให้กับพี่น้องประชาชน และหลังเลือกตั้งเสร็จ หากมีโอกาสเป็นรัฐบาลจะมีการนำเสนอเป็นนโยบายของรัฐบาลต่อไป

Advertisement

“ฉะนั้นเราไม่ได้ตั้งต้นว่าจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าใด แต่ความตั้งใจของพรรคเพื่อชาติที่ต้องมาเป็นผู้สนับสนุนนั้น เจตนารมณ์พาประเทศไทยให้รอดก่อน เพราะหากประเทศไทยรอดประชาชนก็จะรอด ทำให้เราไม่มีความกดดันว่าจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าใด เอาชาติรอด ส.ส.เป็นเพียงผลพวงตามมา คือ ภารกิจหลัก โดยจากการรับฟังเบื้องต้นปัญหาหลักที่ชาวบ้านต้องการให้เข้าไปแก้ไข คือ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ชาวใต้มีความผูกพันกับพืชเศรษฐกิจหลัก คือ ยางพารากับปาล์มน้ำมัน ผลไม้ ท่องเที่ยวและประมง“

นายจตุพร กล่าวด้วยว่า สิ่งที่พี่น้องชาวไทยประสบมาเป็นเวลานานนับตั้งแต่ตนเกิดมาจนปัจจุบันก็ยังคงเป็นปัญหาเดิมๆ ไม่มีการแก้ไขอย่างยั่งยืนและแท้จริง เป็นเพียงการลูบหน้าปะจมูก เพราะเราขาดรัฐบาลที่มีเสถียรภาพที่มีความเป็นประชาธิปไตยที่ต่อเนื่อง จึงก่อให้เกิดผลกระทบตามมา นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อย เพราะบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ราคาพืชผลตกต่ำ เพราะอำนาจต่อรองของรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมีการต่อรองด้วยต้นทุนที่ต่ำ ประชาชนจึงมีความวาดหวังว่า ผลการเลือกตั้งจะสร้างอำนาจการต่อรองของประเทศไทยในราคาผลผลิตสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการท่องเที่ยวและการประมง

นอกจากการรับฟังปัญหาแล้วเราต้องสร้างความเข้าใจกับคนในประเทศเราก่อนว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีนี้ ต่างฝ่ายต่างมีความคิดและถูกขยายความว่า นี่คือความแตกแยก นี่คือความขัดแย้ง ท้ายที่สุดเราก็ได้ผู้รักษาความสงบ เรื่องของคดีความก็ว่ากันไปตามกฎหมาย แต่ทุกฝ่ายต้องซึมซับเหมือนกันว่าเราต้องการได้อะไร หรือต้องการให้ประชาชนประเทศชาติได้อะไร ที่พรรคเพื่อชาติ เสนอแนวทางการเป็นพรรคเกาะกลาง เพราะเชื่อว่าการพูดคุยกับคนที่มีความเห็นต่างกันจะคิดหาทางออกให้กับชาติได้ ไม่ใช่เปลี่ยนความคิด แต่ให้เอาชาติเป็นหลัก และตกลงเซ็นสัญญาประชาคมร่วมกันว่าเราจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างไร โดยไม่ได้เปลี่ยนความเชื่อนั้น หากไม่สามารถจัดการสิ่งเหล่านี้ได้ เราก็ต้องจบและลงท้ายด้วยการถูกยึดอำนาจเรื่อยไป และผลเสียก็จะเกิดกับประเทศนายจตุพร กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image