“ทษช.”หาเสียงบางขุนเทียน ไม่หวั่นคดีความ “อ๋อย”ติง“วิษณุ”หาช่องให้บิ๊กตู่ไม่ขึ้นดีเบต

“ทษช.” หาเสียงบางขุนเทียน ลงเรือ ชูนโยบายแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน “จาตุรนต์” ติง “วิษณุ” หาช่องให้ “ประยุทธ์” ไม่ขึ้นดีเบต “ณัฐวุฒิ” ยัน เดินหน้าหาเสียงต่อ ไม่เกี่ยวกับคดีความ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจ นพ.เหวง โตจิราการ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ลงพื้นที่ช่วย น.ส.กมลพัฒน์ ปุงบางกะดี่ ผู้สมัครเขตบางขุนเทียนหาเสียงที่ตลาดเช้าชุมชนชายทะเล เขตบางขุนเทียน โดยนายจาตุรนต์ได้ชงกาแฟโบราณดื่มเอง ก่อนลงเรือดูการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง นำเสนอนโยบายแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพราะปัจจุบันมีที่ดินถูกกัดเซาะไปกว่า 5 พันไร่

โดยนนายจาตุรนต์ กล่าวถึงกรณีที่กกต.ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สามารถขึ้นเวทีดีเบตได้ แต่นายวิษณุ เครืองงาม รองนายกฯ ก็เป็นห่วงว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหมือนแคนดิเดตนายกฯ ท่านอื่น เพราะยังเป็นข้าราชการอยู่ และจะต้องวางตัวเป็นกลาง ซึ่งเป็นความเห็นที่แปลกประหลาดมาก ว่าแคนดิเดตนายกฯจะต้องวางตัวเป็นกลาง นอกจากนี้ ยังมีการตั้งประเด็นเป็นข้อสงสัยว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ไปดีเบต หรือไปพูดนโยบาย จะเป็นการพูดนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์เอง หรือเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เหมือนกับว่าไม่มีความเกี่ยวพันกันโดยอ้างว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพปชร. ถือเป็นการแสดงความเห็นที่แปลกประหลาดมาก เพราะพรรคพปชร.เสนอพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่นายวิษณุกลัวว่าจะไปพูดนโยบายของตัวเองหรือของพรรค หรือพล.อ.ประยุทธ์ต้องการพูดแทน ส.ว. 250 คน เพื่อเป็นการหาเสียงให้กับคนที่ตัวเองตั้งมา นี่แสดงถึงความสับสนถึงวิธีคิด และวิธีทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ นายวิษณุ และคณะทำงาน ที่เหมือนเป็นการตั้งแง่หาทางออกให้พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องไปดีเบต เพราะถ้าไปดีเบตจะไม่สามารถไปชี้แจงหรือโต้แย้งแข่งกับคู่แข่งได้

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า เรื่องต่อมาคือ จากการเดินหาเสียง และปราศรัยย่อยพบว่าประชาชนมีความรู้สึกร่วมกันอย่างมากว่าเศรษฐกิจแย่ เดินต่อไปไหมไหวแล้ว การบริหารของรัฐบาลคสช.ที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศราบกิจได้ และประชาชนต้องการเปลี่ยน และไม่สามารถปล่อยให้รัฐบาลนี้บริหารต่อไปได้ เมื่อพูดชื่อพล.อ.ประยุทธ์จะมีเสียงแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นนายกฯอีก ในเขตกทม.ก็อยากให้เปลี่ยน ซึ่งเรามั่นใจว่าว่า หากเราได้พบประชาชนต่อไป หรือปราศรัยมากขึ้นจะได้รับการตอบรับจากประชาชนมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเราเสนอนโยบายที่แก้ปัญหาตอบโจทย์ให้กับประชาชน

Advertisement

นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า พวกตนได้ร่วมกันพบประชาชน และจัดปราศรัย โดยได้กำหนดแผนไปถึงวันที่ 17 มีนาคมแล้ว แต่เมื่อไปปราศรัยก็มีคนตั้งคำถามว่า เราจะสู้เรื่องอะไร และจะสู้ถึงขั้นไหน ตนขอชี้แจงว่า การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของทษช.จะพูดถึงการแก้ปัญหาประเทศ การหยุดยั้งการสืบสอดอำนาจของคสช. และการให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยได้จัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเนื้อหาจะไม่มีเรื่องที่กกต.ร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคทษช. แม้แต่นิดเดียว พวกตนไม่เคยพูด หรือให้สัมภาษณ์ว่าให้สู้ในการรักษาพรรคทษช. จะมีก็เพียงบอกให้เลือกผู้สมัครของพรรคทษช.เท่านั้น ทั้งนี้ คณะทนายของพรรคได้สู้เฉพาะประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่กกต.กล่าวหาว่าเราเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่มีประเด็นอื่น ซึ่งเราจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะทนายโดยการกำกับของคณะกรรมการบริหาร และจะสู้คดีความในศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรามีโปรแกรมหาเสียงต่อเนื่องกันทุกวัน แล้วมีคำถามว่าภารกิจดังกล่าวเกี่ยวข้องหรือไม่กับคดียุบพรรคที่อยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเรียนว่า 2 ส่วนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวกัน เรื่องคดีเป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหาร และทีมทนายจะดำเนินการโดยไม่มีแนวทางใดออกมานอกชั้นศาลรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องการหาเสียงเป็นความรับผิดชอบที่พวกตนต้องทำหน้าที่ร่วมกับผู้สมัคร และสมาชิกที่สนับสนุนพรรค เมื่อผู้สมัครของพรรคทั้งระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต รวม 300 ชีวิต ยังเป็นผู้สมัครตามตัวบทกฎหมาย มีสิทธิครบถ้วนเท่าเทียมเหมือนพรรคอื่นทุกประการ เราจึงต้องเดินหน้าหาเสียง และพบปะกับพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ โดยเราย้ำกับผู้สมัคร และสมาชิกว่าจะไม่มีการพูดถึง พาดพิง แสดงออก หรือส่งสัญญษณใดๆในกรณีการยื่นยุบพรรคทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า วันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์) มีพยานบุคคลท่านใดบางที่ศาลรัฐธรรมนูญส่งหนังสือเรียกไปแก้ข้อกล่าวหา นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เนื่องจากพวกตนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน จึงยังไม่ได้มีการหารือกับทางทีมทนาย และคณะกรรมการบริหารพรรค เราจึงยังไม่ทราบขั้นตอนปฏิบัติว่าอยู่ในขั้นตอนใด แต่เข้าใจว่าทีมทนายจะพิจารณาไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังไม่ทราบขั้นตอนปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญว่าอยู่ในขั้นตอนใด ดังนั้น ภารกิจของพวกตนจึงเป็นปกติโดยจะมีการพูดคุยกับคณะทำงาน และผู้สมัครในการลงพื้นที่ต่างๆ เพื่อเตรียมการสำหรับภารกิจปราศรัย และการลงพื้นที่ในวันถัดๆไป ไม่ได้มีโปรแกรมที่จะไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ซึ่งวันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์) เราจะงดภารกิจเพื่อให้สมาชิกได้ติดตามคดีนี้ เพราะหลายคนมีความสนใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image