‘บิ๊กตู่’ เมินกระแสหาเสียงไม่เอาประยุทธ์ แย้ม ถ้ากลับเป็นนายกฯพร้อมจัดครม.ผสมฝ่ายการเมือง

“บิ๊กตู่​” เมิน​กระแสหาเสียง​ “ไม่เอาประยุทธ์” ชี้เป็นเรื่องธรรมดา แย้ม​ถ้ากลับมาเป็นนายกฯ​จะจัด ครม.ผสมฝ่ายการเมือง​ ระบุ​คนมานำบ้านเมือง​ ต้องมีความรับผิดชอบ-จิตสำนึก

เมื่อเวลา 16.30 น.​ วันที่ 11 มีนาคม​ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมารับฟังการบรรยายของผู้แทนพิเศษระหว่างประเทศ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงโลก บรรยายโดย Mr.Salim Ismail ต่อมานายกฯให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ที่มาฟังเพราะตนเป็นแฟนคลับ ติดตามตลอดตามช่องทางต่างๆ​ ขณะที่ทุกวันที่ทำงานมาไม่ได้คิดเองทั้งหมด บางอย่างต้องอ่านหนังสือ บางอย่างก็ฟังจากกูเกิลมา และมีการแปลบ้าง ต้องใช้เวลา ตาต้องใช้มากในแต่ละวัน ไม่อย่างนั้นเกิดความคิดไม่ได้ที่ต้องประมวลบางสิ่งที่เกิดมาแล้ว สิ่งที่เป็นอนาคตที่ต้องไปด้วยกัน วันนี้เท่าที่ตนคุยกับเขาและคณะทำงานก่อนจะเข้ามาในห้อง เขาชื่นชมประเทศไทย เขาเห็นหลายๆ อย่างที่พร้อมจะเดินหน้า อย่างที่ตนบอกระบบการเงินก็เข้มแข็ง กองทุนสำรองก็มี เกษตรก็มีจำนวนมาก ที่ดินมีเยอะแยะ เพียงแต่เราต้องจัดระบบให้ดี ซึ่งตนกำลังจัดอยู่​ เรื่องเกษตรแปลงใหญ่ ถ้าเกษตรกรทุกคนลงทุนแค่ 10 ไร่อย่างไรก็ไม่คุ้ม เพราะต้นทุนการผลิตสูง วันนี้ทำเกษตรแปลงใหญ่ได้รายได้เพิ่มขึ้น พัฒนาคุณภาพและผลผลิตได้มากขึ้น เราต้องเดินไปแบบนี้

นายกฯกล่าวว่า เพราะฉะนั้น​ เรื่องผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร หรือผู้ยากจนที่เขาพูดๆ กัน ตนไม่เคยสบายใจ ที่เข้ามาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้ด้วย เรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องคนจน จะทำอย่างไรกับเขา ถึงได้มีนโยบายแก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบมาโดยตลอด ค่อยๆ เดินไป ค่อยๆ ดีขึ้น ถ้าเราไม่ก้าวแรกก็ไม่มีก้าวสองเสมอ แล้วเราทำงานมา 4-5 ปีคงไม่ใช่ว่า ไม่สำเร็จเลยสักอย่าง ปลดล็อกหลายๆ อย่างไป กฎหมายสำคัญที่สุด ถ้าเราเดินนอกกรอบกฎหมายกันหมด ทุกคนคิดนอกกรอบอยากได้ แต่ไม่ดูกฎหมาย กฎระเบียบ การเงินการคลังไปไม่ได้ทั้งหมด

นายกฯกล่าวว่า ตนมาวันนี้ก็อยากมาคุย เมื่อสักครู่ก็ไม่ได้ตั้งใจขึ้นไปพูด แต่ก็มีอารมณ์ขึ้นมา ฟังเขาพูดแล้วก็ได้รู้ว่าเขาเห็นศักยภาพประเทศไทย เขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา และตรงกับที่เราเริ่มไว้หลายๆอย่าง เริ่มจาก 1 ไป 2 และ 3 แต่วันนี้เรามีหลากหลายมาก เพราะเราเริ่มใหม่ทั้งหมด เราจึงต้องพูดถึงการบริหารจัดการด้วย ซึ่งตนกำลังเร่งในเรื่องนี้ว่า การเงินการคลัง กองทุนจะเข้าหาอย่างไร เอสเอ็มอีจะเป็นอย่างไร ทั้งหมดคือการเดินหน้าสู่อนาคต

Advertisement

“ผมสัญญาว่า จากนี้ต่อไปผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ผมคิดว่าจะต้องมีคนทื่ต้องนำพาประเทศชาติไปตรงโน้น ไปด้วยความรับผิดชอบ ด้วยจิตสำนึก ด้วยเป็นหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาทำอะไรต่างๆ สักอย่างด้วยวัตถุประสงค์อื่น ผมไม่เคยคิดอย่างนั้น ฝากพวกเราทุกคนช่วยไปกันด้วยก็แล้วกัน สำคัญที่สุดคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง และคนรุ่นเก่า ทั้ง 3 รุ่นต้องเดินไปด้วยกัน เราฐานะคนรุ่นเก่าต้องสร้างอนาคต สร้างชีวิตที่ดีกว่า วันนี้คนจน และภาคเกษตรเขาลำบากอยู่ เราต้องสร้างตรงนี้ให้ได้ ผมอยากให้ทุกคนที่เป็นนักการเมืองคิดทำนองนี้ออกมาบ้าง นโยบายพูดออกมาบ้างแบบนี้ สมมุติไปพูดเรื่องจะให้ จะไม่ให้ อะไรต่างๆ ผมก็ว่ามันจนใจ ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เขาอาจจะคิดของเขาก็ได้ ผมไม่ว่าอะไร” นายกฯกล่าว

เมื่อถามว่า คำสัญญาของนายกฯหมายความว่าวันข้างหน้า ถ้าได้กลับมาเป็นนายกฯ​ แสดงว่าจะมีทีมรัฐมนตรีที่คัดสรรมาอย่างดี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนพยายามบอกว่า ถ้าอยากทำต้องทำให้สำเร็จ ทีมที่จะมาทำงานก็ต้องคัดสรรหา ไม่ใช่เอาทีมเดิมทั้งหมดได้ที่ไหน ต้องคัดสรรมาใหม่ ต้องมาจากการเมือง ก็ต้องว่ากันมา แต่ตนก็ต้องเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจตามหน้าที่ ในการขับเคลื่อนของตน นายกฯต้องมีแรงในการขับเคลื่อนและทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลายอย่างมีกฎหมายอยู่แล้ว เราก็ทำตามแค่นี้ ในส่วนอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของการเมืองเขาก็ว่ากันไป ถ้าสมมุติตนอยู่ก็ต้องดูแลตรงนี้ให้ได้ แต่ไม่อยากให้มองใหม่ๆ อย่างเดียว อาจต้องมองเก่าผสมใหม่บ้าง เพราะตนต้องการให้คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ไปด้วยกัน ต้องมีตัวประสานงาน กลไก ตรงนี้หรือเปล่า

นายกฯกล่าวว่า วันนี้ดีใจที่การเลือกตั้งของเราได้รับความสนใจ ก็คาดว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิจำนวนมากมาย แม้ในต่างประเทศก็มาใช้สิทธิกันเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เป็นเรื่องที่คณะกรรมการ​การเลือกตั้ง ​(กกต.)​ ต้องแก้ไขต่อไป ก็ต้องเห็นใจ​ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแบบนี้ ที่คนไทยสนใจการเมืองขนาดนี้ ถ้าโทษกันไปว่ากันมามันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาทั้งสิ้น ขอให้มันใสสะอาดก็แล้วกัน โปร่งใส เป็นธรรมก็จบแล้ว

Advertisement

เมื่อถามว่า มีคำพูดหนึ่งบนเวที​ นายกฯพูดว่าในสนามรบต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้ นายกฯกล่าวว่า “ต้องทำให้สำเร็จ ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาจะสั่งให้กลับหรือไม่ ถ้าผู้บังคับบัญชาดูแล้วไม่คุ้มค่า แต่ถ้าผมอยู่แนวรบข้างหน้า ภารกิจแรกถ้าไม่สำเร็จ ผมก็ต้องทำให้สำเร็จ แต่ถ้าเขาเสี่ยงแล้ว ผู้บังคับบัญชาข้างหลังพิจารณาแล้วว่าเป็นการเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่า เขาอาจสั่งถอนก็ได้ ผมก็ต้องถอน ผมเชื่อมั่นในตรงนี้ ในสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน ลูกน้องต้องปลอดภัยให้มากที่สุด”

เมื่อถามว่า นายกฯคิดอย่างไรที่ตอนนี้นักการเมืองให้เลือกจุดยืนระหว่างฝั่งเผด็จการกับประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ธรรมดาๆ ปล่อยเขาเถอะ เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่นักการเมืองใช้ยุทธศาสตร์หาเสียงไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯกล่าวว่า “ผมไม่สนใจ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image