‘สนช.’แจง’อียู’ ปมปัญหาสิทธิมนุษยชน ย้ำความจำเป็นไทยต้องควบคุมสถานการณ์

กมธ.ตปท.แจง “อียู” ปมปัญหาสิทธิมนุษยชน ชี้ไทยจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ หวั่นสงครามการเมือง ยันพร้อมเดินหน้าตามโรดแมป ลต.ปี 60

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายกิตติ วะสีนนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงกรณีสมาชิกสภายุโรป (อียู) กลุ่มความสัมพันธ์กับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอาเซียน เข้าพบคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สนช. เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า การที่อียูเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะประเทศไทยมีสถานการณ์พิเศษ แต่เพราะไทยเป็นประเทศน่าสนใจ มีโอกาสขยายความร่วมมือเรื่องการค้า การลงทุนระหว่างกัน รวมถึงมีการสร้างความเข้าใจถึงเรื่องพัฒนาการทางการเมืองในประเทศไทย ซึ่ง สนช.ได้ชี้แจงถึงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงปัจจุบัน โดยในเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้น ทางอียูเองก็มีปัญหา และทางอียูไม่ได้สอบถามเรื่องสิทธิมนุษยชนในเมืองไทยมากมาย ไม่ได้ถามลักษณะสร้างแรงกดดัน รวมถึงไม่ได้ถามเรื่องเรียกฝ่ายเห็นต่างไปปรับทัศนคติ แต่ตนได้ชี้แจงว่าไทยมีความจำเป็นในการควบคุมไม่ให้สถานการณ์กลับไปเหมือนช่วงปี 2557-2558 ซึ่งเป็นจุดที่เกิดปัญหาการเมือง ไปไหนไม่ได้ มีการต่อต้านรัฐบาล และการใช้กำลัง เกือบเป็นสงครามกลางเมือง ทั้งนี้ รัฐบาลมีความพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินตามโรดแมปและย้ำว่า นายกฯยืนยันจะมีการเลือกตั้งปี 2560 การพูดครั้งนี้เป็นไปด้วยความเข้าใจ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอียูจะดีขึ้นในอนาคต

ด้าน นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ ประธานกรรมาธิการต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า อียูไม่ได้เน้นย้ำเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนในไทย โดยเฉพาะเรื่องการใช้มาตรา 44 และการนำตัวพลเรือนขึ้นศาลทหาร แต่ให้ความสนใจเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนมากกว่า โดยสอบถามว่า มีช่องทางใดบ้างที่อียูจะเข้ามาลงทุนในไทยได้บ้าง เนื่องจากเห็นว่าไทยไปมีปฏิสัมพันธ์กับจีน รัสเซีย จึงอยากให้อียูมีช่องทางเข้ามาบ้าง แต่ตนชี้แจงว่า เราพร้อมที่จะเปิดให้อียูเข้ามา แต่ด้วยข้อจำกัดทางการเมืองในนโยบายระดับสูงของอียู จึงไม่มีการติดต่อเจรจากันเรื่องนี้ เชื่อว่าการเข้าพบครั้งนี้อียูจะไปช่วยชี้แจงให้คณะกรรมาธิการยุโรปให้เข้าใจถึงสถานการณ์ในเมืองไทยเป็นอย่างดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image