แกนนำ นปช.ขอรัฐเปิดพื้นที่นอกสโมสร ทบ.ให้คนไทยได้ถกเถียง-แสดงความเห็น

‘แกนนำ นปช.’ขอรบ.เปิดพื้นที่นอกเหนือสโมสร ทบ.ให้ ปชช.แสดงความเห็นพิสูจน์ความจริงใจ เผยพร้อมเปิดศูนย์จับโกงประชามติทั่วประเทศ

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่สโมสรทหารบก วิภาวดีฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อมด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. เดินทางเข้าร่วมรับฟังการชี้แจงจาก กกต. โดยนายจตุพรกล่าวว่า วานนี้ กกต.ได้ส่งหนังสือเชิญมาให้ ระบุว่าเราจะได้ฟังจากตัวแทนจากแม่น้ำ 5 สายและเราจะได้แสดงความเห็นในนามของ นปช. วาระนี้เป็นเรื่องของอุปสรรคและความไม่เท่าเทียมของฝ่ายรับและไม่รับร่างฯ เพราะกลายเป็นว่ามีพื้นที่สำหรับฝ่ายที่รับร่างเท่านั้น แต่ฝ่ายไม่รับร่างไม่เหลือพื้นที่ที่จะกระทำการใดๆ ได้เลย ในระหว่างที่ตกลงกันไม่ได้กับ กกต. จะเชิญชวนให้ประชาชนไปใช้สิทธิ และวันที่ 5 มิถุนายน จะเปิดศูนย์จับโกงประชามติ ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว เวลา 10.00 น. ซึ่งเราได้แจ้งยังพี่น้องประชาชนทั่วประเทศร่วมกันจับโกงหรือการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ประชามติ ไม่ว่าจะเป็นคลิป เอกสาร การบันทึกเสียง จะมีทนายความทุกจังหวัดและส่วนกลางทำหน้าที่ร่วมมือกับทุกฝ่ายในการจับทุจริต อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าห่วงใยคือปกติเขตใดที่มีการแข่งขันสูง แต่กรณีนี้เป็นการแข่งขันฝ่ายเดียว ถ้าเป็นนักดาบก็ฟันแต่ต้นกล้วย นักมวยก็ชกแต่ลม เป็นที่น่าห่วงว่าคนจะไปใช้สิทธิน้อย พวกตนจึงได้เชิญชวนไปใช้สิทธิ เพราะพม่ามีการเลือกตั้งนำหน้าเราไปแล้วเราไม่ควรอายเขา

“วันนี้อยากจะฟังจากผู้มีอำนาจว่า วันที่ 7 สิงหาคม จะมีการล้มเองหรือไม่ เพราะบทเรียนเมื่อคราวนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีต กมธ. ยกร่างฯ คงทำให้เห็นได้ชัดว่าคนบนเรือแป๊ะล้มกันเอง มาครั้งนี้เมื่อเดินไปสักพักหนึ่งแล้วเห็นว่าแพ้แน่จะหาเรื่องยกเลิกประชามติหรือไม่ เราต้องการความมั่นใจว่าวันที่ 7 สิงหาคม ไม่ว่าอย่างไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การทำประชามติต้องดำรงคงอยู่” นายจตุพรกล่าว

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่ว่าเวทีนี้จะเกิดด้วยเหตุผลใด จะเพราะรัฐบาลถูกกดดันจากทุกทิศทางหรือรัฐบาลเตรียมการให้มีเวทีนี้แล้วก็ตาม เราจะไม่พูดให้เสียบรรยากาศ แต่ตนจะบอกว่าเวทีนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ เป็นสัญญาณที่ดีในการเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายแสงความคิดเห็น ด้วยเสรีภาพ ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรับหรือไม่รับ แต่หากรัฐบาลต้องการจะใช้เวทีนี้อธิบายกับสังคมไทยและต่างประเทศว่าคือการเปิดกว้างในการทำประชามติแล้วตนคิดว่ายังไม่ใช่ ทุกคนที่มาไม่มีใครได้พูดอะไร ฝ่ายที่พูดมากสุดคือรัฐบาลที่จะได้พูดว่าเปิดให้แล้ว มีเวทีให้พูดและแสดงความคิดเห็น แต่ตนเห็นว่าความหมายการทำประชามติ คือฟังความเห็นประชาชน ดังนั้น พื้นที่เวทีต่างๆ นอกสโมสรกองทัพบกจำเป็นต้องเปิดให้ประชาชนและฝ่ายการเมืองแสดงความคิดเห็นด้วย และจะเป็นอย่างนั้นได้ก็ต่อเมื่อมีการทบทวนปรับแก้เนื้อหาสาระ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ไม่ให้ตัวกฎหมายไปปิดปากประชาชนผู้เห็นต่างกับร่างรัฐธรรมนูญ ตนเชื่อว่ารัฐบาลทำได้ถ้าตั้งใจ และตนไม่เห็นด้วยกับอำนาจ ม.44 แต่หากจำเป็นนายกสั่งการได้เลย เพื่อให้สนามประชามติเป็นสนามที่กว้างมีขอบข่ายทั้งประเทศไม่ใช่แค่ในรั้วสโมสรทหารบกเท่านั้น

Advertisement

“มาวันนี้ผมยังไม่รู้สึกถึงเสรีภาพ เพราะผมยังมีความรู้สึกว่า เสรีภาพของผมยังอยู่ในพื้นที่แคบๆ แต่เมื่อใดที่ให้ผมหรือคนที่รับและไม่รับได้พูดนอกรั้วนี้ ด้วยอิสระและเหตุผลตรงไปตรงมา นี่คือบทพิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาล และเป็นข้อเสนอข้อหนึ่งในที่ประชุม” นายณัฐวุฒิกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image