“ส.ส.ประมวล”ยอมรับแนวทางการเมืองประจวบโมเดลไม่เหมือนเดิม หลัง’เฉลิมชัย ศรีอ่อน’สอบตก

วันที่ 26 มีนาคม นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 หมายเลข 1 พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าพรรคจะไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลจะเดินหน้าทำงานการเมืองต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทั้งราคามะพร้าว ยางพารา ปาล์ม ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม อ.บางสะพาน และยังยืนยันว่าการทำงานการเมืองต้องมีความชัดเจน ไม่ทำงานแค่ประกาศนโยบายเฉพะช่วงหาเสียง แต่ต้องทำเหมือนการใส่ปุ๋ยต้นไม้ทีละช้อนอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ใส่ครั้งละกระสอบช่วงหาคะแนนก่อนการเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองในรูปแบบ”ประจวบโมเดล” ที่มีฐานการเมืองร่วมกันทั้งนักการเมืองระดับชาติ การเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ จะช่วยเหลือเกื้อกูลเหมือนเดิมหรือไม่ หลังจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต ส.ส. 4 สมัย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน หรือบ้านใหญ่ปราณบุรี สอบตกในเขต 2

นายประมวล กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าแนวทางการทำงานการเมืองในรูปแบบประจวบโมเดลจะเหมือนเดิมเหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ 3 อำเภอ ทราบดีว่าตนโดนอะไรบ้างในระหว่างการหาเสียง นักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มใดวางเฉยและบางรายไปเดินยาแรงช่วยพรรคอื่น แต่ไม่ให้ความสนใจ ไม่ให้ราคา เพราะเป็นวิธีคิดเป็นทางเลือกของแต่ละบุคคล แต่ส่วนตัวจะยึดเหลักพึ่งพาตนเอง ดังนั้นจึงไม่หวั่นวิตกทั้งหัวคะแนน และเครือข่ายของการเมืองระดับท้องถิ่น เนื่องจากนักการเมืองทุกคนเมื่อหมดวาระและต้องเดินกลับไปหาประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียง

นายมนตรี ปาน้อยนนท์ อดีต ส.ส. 4 สมัย ผู้สมัคร ส.ส. หมายเลข 7 เขต 1 พรรค ปชป. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนทุกอำเภอที่ให้ความไว้วางใจ แม้ว่าคะแนนเสียงในเขตเลือกตั้งที่ 1 จะลดลงกว่า 50% จาการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 เนื่องจากมีคู่แข่งจากหลายพรรค และหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้พื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์มี ส.ส.ของพรรคได้ไม่ครบทั้ง 3 เขต ดังนั้นต้องมีการพิจารณาเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง จากหลายปัจจัยโดยเฉพาะการสร้างผลงานจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลด้านการเกษตรและการประมง ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

Advertisement

นายมนตรี กล่าวว่า มีการประเมินเบื้องต้นคาดว่า พรรค ปชป.จะเข้าร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) หลังจากหัวหน้าพรรคแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ล่าสุดในยังกระแสคัดค้านจากคนในพรรคทั้งการทำงานร่วมกับ พปชร. และพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจ ขณะที่หัวหน้าพรรคตัวจริงในอนาคตจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงจุดอ่อนพรรคค่อนข้างมากเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนรุ่นใหม่

“ส่วนตัวยอมรับว่าต้องการร่วมรัฐบาลเนื่องจากเป็น ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ สมัยแรกตั้งแต่ปี 2544 แต่พรรคมีโอกาสเป็นรัฐบาลเพียง 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นเป็นฝ่ายค้าน และ ระยะเวลาที่ททหารยึดอำนาจ ดังนั้นการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ จะเป็นโอกาสของพรรคที่จะมีรัฐมนตรีเข้าไปสร้างผลงาน และหากการเลือกตั้งนี้ ส.ส.ประจวบฯ ยังไม่มีโอกาสเข้าไปทำงานอีกก็จะต้องทบทวนการทำงานการเมืองในอนาคตต่อไป”นายมนตรี กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image