‘เรืองไกร’ ท้าพรรคเล็กที่ได้คะแนนเสียงไม่ถึงเกณฑ์พึงมีออกมาดีเบตถกปมสูตรคำนวณ

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า การที่ กกต.ประกาศรายชื่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 149 คนนั้น ถูกต้องแค่จำนวนรวมเท่านั้น แต่ไส้ในไม่ถูกต้อง เพราะมีการนำคะแนนเสียงไปจัดสรรให้พรรคเล็ก 11 พรรค ทั้งที่พรรคเหล่านี้มีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่พึงมี และคะแนนที่นำไปให้นั้น ไม่รู้ไปคว้ามาจากที่ไหน ของใคร พรรคใด เขตใด กกต.ไม่ได้ชี้แจงที่มาที่ไปของคะแนนที่ไปเติมให้พรรคเล็กๆ ไว้แต่อย่างใด เมื่อย้อนดูคะแนนเสียงของพรรคใหญ่แต่ละพรรคที่ได้รับมาจากการเลือกตั้ง ยิ่งเห็นได้ชัดว่า ในการคำนวณของ กกต. พรรคใหญ่ถูกทำให้คะแนนเสียงลดลงหรือตกน้ำไปโดยไร้เหตุผล เช่น อนค. ตกน้ำไปประมาณ 561,245 คะแนน ปชป. ตกน้ำไปประมาณ 256,857 คะแนน พปชร. ตกน้ำไปประมาณ 229,034 คะแนน เป็นต้น ทำให้พรรคเหล่านี้สูญเสีย ส.ส.บัญชีรายชื่อไปด้วยอีกหลายคน ตามตารางการคำนวณของ กกต. เป็นสิ่งที่ฟ้องในตัวเองว่า กกต.คำนวณจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถูกต้อง เพราะผลการจัดสรรดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายที่บัญญัติบังคับไว้แล้วว่า “การจัดสรรจะต้องไม่ทำให้ได้ ส.ส. เกินกว่าค่าที่พึงมี” ดังนั้น พรรคการเมืองที่มีค่าพึงมีต่ำกว่า 1 คน จึงไม่มีทางจะได้ ส.ส.เลย แต่ กกต.กลับไปหาวิธีการมาทำให้พรรคการเมืองที่มีค่าพึงมีต่ำกว่า 1 คน ได้ ส.ส. 1 คน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนด เรื่องนี้ พิสูจน์ได้ง่าย โดยการนำค่าเฉลี่ยของจำนวน ส.ส. ที่จะพึงมี 1 คน คือ 71,168 คะแนน มาเทียบกับคะแนนของพรรคเล็กทั้ง 11 พรรค จะทำให้เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า ถ้าพรรคเหล่านี้ได้ ส.ส. 1 คน ก็จะต้องมีคะแนนสูงกว่าหรือเท่ากับค่าพึงมี แต่หามีไม่ ดังนั้น การได้ ส.ส. 1 คน จึงเท่ากับมีการเพิ่มคะแนนค่าพึงมีให้พรรคเหล่านี้ โดยรวมทั้ง 11 พรรคมีคะแนนเพิ่มมา 234,640 เสียง ซึ่ง กกต. อธิบายไม่ได้ว่า คะแนนที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากหน่วยใด เขตใด หรือไปเอาของพรรคใดมาเติมให้พรรคเล็กๆ ดังนั้น การประกาศรับรอง ส.ส. บัญชีรายชื่อที่ผ่านมาจึงไม่ถูกต้อง และทำให้ถูกมองว่าพรรคใหญ่โดนยักย้ายถ่ายเทคะแนนไปให้พรรคเล็กตามอำเภอใจ ทั้งที่คนเข้าคูหากาคะแนนให้พรรคใหญ่

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ กกต.ทำไม่ถูกต้อง ทำให้สังคมส่วนใหญ่ถึงจุดรับไม่ได้ จึงมีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และมีการจ้องฟ้องร้องตามมาอีกหลายทาง ตนเป็นหนึ่งในนั้น ที่เห็นว่าเรื่องนี้ปล่อยไปไม่ได้ เพราะคนที่จะไปเป็นตัวแทนของประชาชนต้องมีที่มาโดยถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย ใครก็ตามที่ไม่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนถึงเกณฑ์ค่าที่จะพึงมี ก็ไม่ควรได้รับการรับรองจาก กกต. ให้ไปเป็นตัวแทนของประชาชน ทั้งนี้ เรื่องนี้ปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ ตนในฐานะผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งจะได้รับผลกระทบจากการกระทำของ กกต. และคนของพรรคเล็กๆ ที่ได้เป็น ส.ส. ทั้งที่ไม่ควรได้ แต่จะไปเป็น ตัวแทนของประชาชนและของตนด้วยเพื่อทำหน้าที่ในสภาผู้แทนฯ นั้น ตนจึงเดือดร้อนเสียหายหรืออาจเดือดร้อนเสียหายตามไปด้วย จึงต้องนำเรื่องนี้ไปฟ้องศาลปกครองเพื่อขอให้มีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนประกาศ กกต.ดังกล่าว และขอให้ศาลสั่งให้ กกต.จัดสรรใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้พรรคใหญ่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อกลับมาคืน ตามจำนวนสัดส่วนของคะแนนที่ประชาชนเลือก โดยตนจะไปยื่นคำร้อง ในวันที่ 13 พฤษภาคม ศกนี้ เวลา 10.00 น. ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ

“ผมขอท้าให้พวกที่เห็นว่า พรรคเล็กที่ได้คะแนนเสียงไม่ถึงเกณฑ์พึงมี ควรได้ ส.ส. 1 คน ก็ขอให้ออกมาแสดงตนอย่างเปิดเผยอย่าทำตัวเป็นอีแอบแหกปากตะโกนตะแบงเชียร์อยู่ด้านเดียว ควรออกมารับฟังความเห็นอีกด้านหนึ่งด้วย เพื่อถกเถียงโต้แย้งกันอย่างมีเหตุผลต่อหน้าสาธารณชนได้เลย โดยการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อแสดงความคิดอย่างมีเหตุผลตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ผมพร้อมไปทุกเวที เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องตัวเลข พิสูจน์กันได้ง่าย ประชาชนจะได้รู้ความจริงว่า อะไรถูก อะไรผิด ที่สำคัญ เชิญตัวแทน กกต. ที่คิดว่าสูตรนี้ถูกต้องตามกฎหมาย มาอธิบายและตอบข้อซักถามด้วยนะ” นายเรืองไกรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image