‘พิชัย’ แจงอัยการเลื่อนฟังคำสั่งคดีวิจารณ์คสช.เป็น 27 มิ.ย. จี้ 5 ปีเลิกปิดกั้นความเห็น ขัดหลักปชต.

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่นัดฟังคำสั่งอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 คดีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กรณีโพสต์เฟซบุ๊กนิตยสาร Time และการดูด ส.ส.4.0 วันนี้ เวลา 10.00 น.
นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะทนายความของนายพิชัยพร้อมคณะทำงาน นายยอดชาย ศีลนำสุข ได้มาตามกำหนดนัด โดยได้เข้าพบนายพรชัย ชลวานิชกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา หัวหน้าคณะทำงานเจ้าของสำนวน ได้แจ้งว่า
เนื่องจากตามหนังสือขอความเป็นธรรม นายพิชัยได้ขอให้ทำการสอบสวนพยานเพิ่มเติมจำนวน 7 คน ซึ่งอัยการให้พนักงานสอบสวนสอบพยานเพิ่มเติมเสร็จได้ 5 คนแล้ว เหลือพยานอีก 2 คน ยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ พนักงานอัยการจึงให้เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ไปเป็นวันที่ 27 มิถุนายน เวลา 10.00 น.

นายพิชัยกล่าวว่า ในโอกาสครบรอบ 5 ปีของการรัฐประหารอยากให้รัฐบาลและ คสช. ได้พิจารณาตัวเอง มองย้อนกลับไปว่า 5 ปี ที่ผ่านมาได้ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศบ้างที่ไม่ใช่แค่วาทกรรม และประเทศเสียหายขนาดไหน หลัง 5 ปี เศรษฐกิจกลับมาโต 2.8% เท่ากับตอนปฏิวัติใหม่ๆ ในปี 2558 ทั้งๆ ที่รัฐบาลแจกเงินกันอย่างมโหฬารคล้ายเป็นการซื้อเสียงก่อนการเลือกตั้ง และสภาพัฒน์ พยายามเต็มที่ที่จะทำให้ตัวเลขเพิ่มมากสุดแล้วยังได้แค่เท่านี้ ประเทศประสบปัญหาเพิ่มขึ้นทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม จนประเทศไทยกลายเป็นตัวตลกของประชาคมโลกไปแล้ว ประชาชนต้องอยู่กันอย่างหวาดกลัวเพราะการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและองค์กรอิสระไม่สามารถทำได้ แม้จะมีการเลือกตั้งแล้ว จึงอยากขอถามว่าการที่ รัฐบาลและ คสช.ฟ้องตนนั้น เพราะวิพากษ์วิจารณ์การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของรัฐบาลใช่หรือไม่ และขอถามว่าเศรษฐกิจแย่จริงตามที่ตนบอกใช่หรือไม่ ตัวเลขเศรษฐกิจคงไม่สามารถปฏิเสธได้ การใช้เรื่องต่างๆ มาฟ้อง เพื่อให้ตนหยุดวิจารณ์ใช่หรือไม่

“โดยเฉพาะการฟ้องเรื่องหนังสือพิมพ์ไทม์ที่ไม่มีจำหน่าย ทั้งๆ ที่ไม่มีขายจริงในขณะนั้น ไม่ได้ทำให้คนตระหนกและแปลกใจไปกว่าการปิดกั้นสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เช่น Voice TV, TV 24, Peace TV เป็นต้น นอกจากนี้การวิพากษ์วิจารณ์การดึงตัว ส.ส. ก่อนเลือกตั้งด้วยวิธีต่างๆ ที่ประชาชนรู้กันทั่ว คงไม่เท่ากับปัจจุบันที่มีข่าวการซื้อ ส.ส. งูเห่า แพร่กระจายไปทุกสื่อ หากการปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ยังเป็นอยู่ ไม่แน่ใจว่าเลือกตั้งแล้วยังจะเป็นประชาธิปไตยไหม หรือต้องให้ สื่อต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน วิจารณ์แทน เช่น มาเลเซียตำหนิว่าค่ารถไฟฟ้าในประเทศไทยแพงเกินไป เป็นต้น ดังนั้น จึงอยากขอเตือนรัฐบาลว่า การปิดกั้นแสดงความเห็นเป็นภัยกับระบอบประชาธิปไตย และเมื่อกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรต้องเลิกปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น และควรนำทุกความคิดเห็นไปพิจารณาปรับปรุงเพื่อให้ประเทศพัฒนายิ่งขึ้นไป” นายพิชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image