มั่นใจ “ห้องจันทรา” รัฐสภาใหม่ พร้อมใช้สื้นเดือน มิ.ย.แน่นอน เลขาฯ สั่งเพิ่มเก้าอี้ 88 ตัวสภาทีโอที รับ 750 สมาชิกโหวตนายกฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 29 พฤษภาคม นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้นำพาความคืบหน้างานก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ในส่วนของห้องประชุมจันทรา ห้องประชุมใหญ่วุฒิสภา เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ชั่วคราว โดยนายสรศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ห้องประชุมจันทรา รองรับจำนวนสมาชิกได้ 700 ที่นั่ง จะสามารถใช้ประชุม ส.ส.ชั่วคราวได้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้แน่นอน โดยต้นเดือนมิถุนายน บริษัทที่รับจ้างด้านการติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศจะนำอุปกรณ์มาติดตั้งเพื่อรองรับการประชุม ตนและคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาจะติดตามงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ห้องประชุมมีความพร้อมต่อการจัดประชุม ส.ส.ชั่วคราวมากที่สุด ขณะที่ห้องประชุมสุริยัน หรือห้องประชุมใหญ่ ส.ส.จะเสร็จอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคม 2562
“ระบบไอทีที่จะใช้ในการประชุมในช่วงแรกจะยังไม่สมบูรณ์ อาจต้องใช้ระบบแมนนวลไปก่อน อาทิ ระบบการลงคะแนนที่ใช้การนับโดยเจ้าหน้าที่ ระบบไมโครโฟนอาจใช้ไมโครโฟนลากสาย เป็นต้น หากพบข้อติดขัดจะใช้การบริหารจัดการแก้ปัญหาทีละจุดไปก่อน ขณะที่การตรวจรับงานก่อสร้างนั้น ผมจะพิจารณาร่วมกับคณะกรรมการควบคุมการก่อสร้าง หากสามารถตรวจรับงานที่แยกเป็นส่วนๆได้ จะตรวจรับให้ แต่หากพบปัญหาที่ไม่สามารถตรวจรับงานได้ เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ตรวจสอบ จะไม่เข้าไปใช้งาน จนกว่าผู้รับจ้างแก้ไขให้เสร็จ” นายสรศักดิ์กล่าว
นายสรศักดิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับการเช่าอาคารหอประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำสัญญาเช่าแบบเดือนต่อเดือน ราคาเดือนละ 12.6 ล้านบาท จะสิ้นสุดสัญญาเดือนแรก ประมาณวันที่ 22 มิถุนายน หากห้องประชุมจันทราดำเนินการเสร็จทัน จะยกเลิกการต่อสัญญาเช่ากับบริษัททีโอทีทันทีเพื่อประหยัดงบประมาณ สำหรับสถานที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น จะใช้ห้องประชุมทีโอที เป็นสถานที่ประชุม เบื้องต้นได้สั่งการให้เพิ่มจำนวนเก้าอี้ในห้องประชุมอีก 88 ตัว บริเวณทางเดิน จากเดิมที่เก้าอี้ในห้องประชุมมีรองรับทั้งหมด 660 ตัว รวมถึงแก้ไขปัญหาไมโครโฟนที่มีไม่เพียงพอ เพราะการลงมติเลือกนายกฯต้องให้สมาชิก ขานชื่อทีละคน ส่วนจะกำหนดวันนัดประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อใดนั้น ตนตอบไม่ได้ เพราะต้องรอความชัดเจนจากฝ่ายเลขาธิการคณะรัฐมนตรีก่อน
