อ.นิด้า ชี้ เห็นชื่อโผครม.ใหม่แล้ว หาคนเหมาะสมจริงๆไม่ได้เลย เชื่อยิ่งนาน ภาพลักษณ์ยิ่งแย่

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความเรื่อง ประชาชนมีความหวังกับรัฐบาลใหม่เพียงใด ระบุว่า

1. รัฐบาลใหม่ได้นายกฯ คนเดิม ที่เป็นคนรักครอบครัว ไม่มีเรื่องอื้อฉาวส่วนตัว และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงานใด ๆ ปรากฎในสาธารณะ ดูราวกับว่าเป็นที่ซื่อสัตย์และยึดหลักธรรมาภิบาล

ทว่าพอเห็นการตั้งกรรมการสรรหา ส.ว. และชื่อผู้เป็น ส.ว.

รวมทั้งการมีพฤติกรรมผ่อนปรนต่อคนใกล้ตัว ทั้งเครือญาติและพวกพ้อง แต่เข้มงวดและเด็ดขาดกับผู้อื่นที่ไม่คุ้นเคย

Advertisement

คนจำนวนไม่น้อยอาจต้องทบทวนความคิด และเปลี่ยนมุมมองต่อนายกฯ คนนี้ก็ได้

ส่วนฝีมือในการบริหารก็งั้น ๆ 5 ปีที่ผ่านมามีอำนาจและทรัพยากรของรัฐมหาศาลอยู่ในมือ แต่กลับทำงานได้เพียงเล็กน้อย ไม่คุ้มค่า ไม่สมราคาคุย เพียงบรรเทาปัญหาง่าย ๆ ได้เฉพาะเรื่อง เฉพาะจุด และเฉพาะหน้า เท่านั้น

ขณะที่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ยาก ซับซ้อน และมีผลกระทบต่อพรรคพวกเพื่อนพ้องและกลุ่มนายทุนนักธุรกิจผูดขาดที่ใ้กล้ชิดได้ สิ่งที่ทำก็ทำเพียงเล็กน้อยพอเป็นพิธี เพื่อสร้างภาพให้ดูเหมือนว่าจะทำจริง เช่น การปฏิรูปตำรวจ การปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน และการป้องกันการขัดกันของผลประโยชน์

2. ได้พี่น้องผองเพื่อนคนใกล้ตัว 4​ คนมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ซึ่งผลงานของพวกเขาเหล่านั้นตลอด 5 ปี ที่ผ่านมาไม่สามารถสร้างความประทับใจ หรือความทรงจำที่ดีต่อประชาชนแต่อย่างใด

ความทรงจำของผู้คนในสังคมที่มีต่อรองนายกฯบางคนก็คือ “การยืมนาฬิกาเพื่อน”

รองนายกฯ ที่ดูแลงานตำรวจ การทำงานไม่มีอะไรโดดเด่นแม้แต่น้อย ทำงานมา 5 ปี อาชญากรรมยังมากเหมือนเดิม หรืออาจจะมากยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ ข่าวการฆ่าฟันระหว่างประชาชนด้วยกันมีให้เห็นทุกวัน ๆ ละหลายข่าว และที่สำคัญคือ การรักษากฎหมายดูอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ เห็นได้จากมีกลุ่มอันธพาลหลายกลุ่มยกพวกตีกันอย่างเหิมเกริมและไม่เกรงกลัวกฎหมายมากขึ้น

3.. รองนายกฯที่ดูแลด้านกฎหมาย ผู้มีพฤติกรรมอธิบายตีความกฎหมายที่เอื้อและปกป้องคนมีอำนาจ จนหลายครั้งสร้างความสับสนและบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์แก่ระบบกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลของบ้านเมือง จนแทบหาบรรทัดฐานให้ยึดถือไม่ได้  ความทรงจำของสังคมต่อคนผู้นี้คือ “เนติบริกร” ซึ่งรับใช้ผู้มีอำนาจไม่เลือกหน้านั่นเอง

4. รองนายกฯเศรษฐกิจ ผู้อาศัยการตลาดสร้างภาพลักษณ์ ใช้การตลาดนำเศรษฐกิจ และออกนโยบายเกื้อหนุนต่อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ ขณะที่ให้ความใส่ใจน้อยกับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง และแทบไม่สนใจกับเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานเลย

ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรุนแรงของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในประเทศไทย หนี้สินครัวเรือนของประชาชนทะยานสูงลิ่ว และรายได้ของชาวบ้านและเกษตรกรดิ่งลงเหว

5.รัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข แต่ดูเหมือนว่าความทุกข์ของชาวบ้านหนักหนาสาหัสมากขึ้น ความเครียดและการฆ่าตัวตายมีแนวโน้มสูงขึ้น การทำร้ายฆ่าฟันกันของประชาชนด้วยเรื่องๆ ขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ มีมากขึ้นเรื่อย ๆ

หากนึกถึงผลงานที่อยู่ในความทรงจำของผู้คนของรัฐมนตรีคนนี้ คงหาคนตอบได้ยากว่า มีอะไรบ้าง ที่พอเป็นข่าวอยู่บ้างก็คือ โรงไฟฟ้าขยะ นั่นเอง

สี่คนนี้คือบรรดาขุนพลคนข้างกายนายกฯ ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า มีฝีมือในการบริหารประเทศ เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด ทั้งสี่คนกลับมาพร้อมหน้าในรัฐบาลชุดใหม่

6 สำหรับว่าที่รัฐมนตรีคนอื่นๆ ที่มาจากพรรคพลังประชารัฐ ดูชื่อแต่ละคนแล้วก็ต้องถอนหายใจยาว ๆ มีทั้งกลุ่มคนใกล้ชิดกับรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ซึ่งหลักคิด เป้าหมาย และฝีมือการทำงานของแต่ละคนลอกเลียนแบบมาจากหัวหน้าทีมของตนเองทั้งสิ้น

ส่วนรัฐมนตรีที่มาจากกลุ่มนายทุนนักเลือกตั้ง มีหลายคนเคยสังกัดระบอบทักษิณ บางคนมีเรื่องอื้อฉาวในอดีตและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันหลายเรื่อง เห็นชื่อแล้ว คนทั้งเมืองต่างส่ายหน้า และร้อง “ยี้” ขึ้นพร้อมกันสนั่นเมือง

7. ส่วนรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีของพรรค ปชป. และ ภูมิใจไทย มีหลายคนที่เห็นชื่อแล้ว คนทั้งเมืองต้องอุทานขึ้นพร้อม ๆ กันว่า “คนแบบนี้จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบริหารประเทศได้อย่างไร”

บางคนถูกร้องเรียนสารพัดเรื่อง บางคนมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริต บางคนมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการในอดีตและใกล้ชิดกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรี บางคนมีภาพลักษณ์เป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล

บางคนบุกรุกที่ดินสาธารณะและสร้างความเสียหายแก่สิ่งแวดล้อม บางคนก็คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของจังหวัดและเขตเลือกตั้งตนเอง และบางคนเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว แต่ไม่มีผลงานอะไรที่ทำให้ชาวบ้านจดจำได้แม้แต่น้อย

กล่าวได้ว่า ในบรรดารายชื่อว่าที่รัฐมนตรีที่ปรากฎตามสื่อมวลชน ไม่มีชื่อใดเลยที่ชาวบ้านเห็นแล้วส่งเสียงอย่างดีใจว่า “คนนี้ ใช่เลย เหมาะสมเป็นรัฐมนตรีอย่างยิ่ง” หาไม่ได้จริงๆ ครับ

8. นอกจากภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่ของคณะรัฐมนตรีแล้ว สิ่งที่ทำให้รัฐบาลใหม่เกิดความแปรปรวนและง่อนแง่นมากขึ้นคือ การที่กลุ่มย่อยหลายกลุ่มในพรรคพลังประชารัฐเอง และพรรคเล็ก ๆ บางพรรค ออกมาทวงเก้าอี้รัฐมนตรีกันในหน้าสื่อมวลชนเป็นรายวัน พอกลุ่มนั้นทวงเสร็จ กลุ่มนี้ก็ลุกขึ้นมาทวงบ้าง

ขืนมีพฤติกรรมแบบนี้กันมาก ๆ รัฐบาลใหม่ คงจะอยู่ได้ไม่กี่เดือน

ภาพลักษณ์เดิมก็แย่พออยู่แล้ว ยังจะสร้างภาพลักษณ์ที่แย่ ๆ เพิ่มขึ้นอีก แล้วประชาชนจะมีความหวังใดเหลืออยู่บ้างกับรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

คงต้องอดทนกันต่อไปเรื่อย ๆ ครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image