เมื่อวันที่ 17 ก.ค. รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย แสดงความเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลใหม่ โดยระบุว่า รัฐบาลเรือเหล็กในทะเลเพลิง หากเปรียบเป็นเรือเหล็ก รัฐบาลก็เป็นเรือเหล็กในทะเลเพลิง ซึ่งมีความร้อนแรงที่อาจแผดเผาจนเรือหลอมละลายได้ในเวลาไม่นานนัก
1. เพลิงปรารถนา เป็นเพลิงที่แรงกล้าในการช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ก่อนการจัดตั้งรัฐบาล และยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
2. เพลิงริษยา ของนักการเมืองที่ไม่ได้รับตำแหน่งภายในพรรคร่วมรัฐบาล แต่ละคนต่างถือเลื่อยคนละอัน บางคนเลื่อยที่ใช้มือเล็กๆ กำขณะที่บางคนถือเลื่อยยนต์ จ้องเลื่อยเก้าอี้ทันทีที่มีโอกาส
3. เพลิงอาฆาต จากฝ่ายแค้นที่อยู่ต่างประเทศ และฝ่ายค้านที่ผิดหวังในการจัดตั้งรัฐบาล ฝ่ายแค้นปากประกาศข่าวว่าวางมือ แต่นั่นเป็นเพียงอุบายให้ตายใจเท่านั้น ส่วนฝ่ายค้านก็มุ่งหาช่องว่าง ช่องโหว่ ข้อด้อยในการวิพากษ์ โจมตี
4. เพลิงแห่งความรังเกียจ จากคนรุ่นใหม่ผู้นิยมเสรีภาพ และไม่ชอบการสืบทอดอำนาจและการบริหารที่รวมศูนย์อำนาจของรัฐบาล และจากชนชั้นกลางผู้ไม่ชอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีบางคนที่มีประวัติเกี่ยวกับการถูกร้องเรียนเรื่องทุจริต และมีพฤติกรรมเป็นมาเฟีย
5. เพลิงแห่งความทุกข์ยาก ของเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน ผู้ค้ารายย่อย ซึ่งได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจที่ล้มเหลวของรัฐบาลประยุทธ์1 และ รัฐบาลประยุทธ์2 ก็มีแนวโน้มจะสืบมรดกแห่งความล้มเหลวต่อไป เพราะทีมเศรษฐกิจส่วนใหญ่ของรัฐบาลประยุทธ์2 เป็นบุคคลหน้าเดิมๆ คนหน้าเดิม วิธีคิดเดิมและการทำงานแบบเดิมย่อมยากที่จะแก้ปัญหาที่พวกเขาล้มเหลวมาแล้วในอดีตได้
6. เพลิงโทสะ ดุจภูเขาไฟที่ดูไปเหมือนสงบ แต่คุกรุ่นอยู่ตลอด และอาจระเบิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ หากถูกฝ่ายค้านซักถามหรือวิจารณ์มากๆ หรือ ถูกกดดันจากประชาชนที่มาชุมนุมประท้วง หรือ ถูกกดดันจาก ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลเอง
คอยดูกันว่า เรือเหล็กลำนี้จะฝ่าทะเลเพลิงไปได้นานเท่าไร ก่อนที่จะถูกเผาผลาญจนหลอมละลาย
