เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่าถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ขอยุบเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า การย้ายพรรคเกิดขึ้นได้แค่ 2 กรณีตามที่ตนเคยพูดไว้คือ ถูกขับออกจากพรรค และพรรคการเมืองนั้นถูกยุบเพราะไปกระทำผิดร้ายแรง เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่เปิดช่องให้ขอยื่นยุบพรรคตัวเองในระหว่างที่สภาฯ ไม่สิ้นอายุ และพรรคการเมืองนั้นๆ มีส.ส.อยู่ในสภาฯ เพราะการได้เป็น ส.ส.เนื่องมาจากประชาชนศรัทธาอุดมการณ์และนโยบายของพรรคนั้นๆ เขาถึงให้คะแนนมาเพื่อทำงานในสภาฯ ไม่ใช่ว่าพอตัวอาศัยเสียงประชาชนได้เป็น ส.ส.แล้วจะเลิกพรรคเพื่อไปอยู่กับพรรคอื่น ด้วยหลักการเป็นเช่นนี้เขาถึงไม่ให้ควบรวมพรรคเหมือนที่เคยเป็นประเด็นในอดีต
“ถ้านายไพบูลย์จะอ้างข้อบังคับพรรคให้ยื่นเลิกกิจการพรรคได้ นายไพบูลย์ก็ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.ด้วย เพราะการเลิกเช่นนั้นคือการยุติบทบาท ไม่ใช่ไปร่วมพรรคอื่น หากนายไพบูลย์ทำเช่นนั้นได้ พรรคเล็กต่างๆ ก็จะถูกดูดไปร่วมกับพรรคการเมืองใหญ่ๆ ซึ่งขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ไม่ต้องไปคิดไกลถึงการคำนวณคะแนนเสียง ส.ส.กันใหม่ เพราะมันทำไม่ได้ตั้งแต่ต้น มันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ขนาดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี จะคิดหาทางออกเรื่องนี้ยังคิดไม่ออก แต่ถ้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)จะตะแบงว่าทำได้ กกต.เองนั่นแหละจะต้องรับผิดชอบเพราะกระทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง“นายสามารถ