“เทพไท” เย้ย “ไพบูลย์”คิดรวมพรรค ไม่ต่างยุค “แม้ว” อัดแม้อ้างเลิกกิจการแต่ก็คือยุบพรรค ถือว่าขัด ม.99 ของรธน.60
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลิกกิจการของพรรคประชาชนปฏิรูปว่า รู้สึกแปลกใจมาก เพราะเป็นพรรคการเมืองเพิ่งจัดตั้งใหม่ ทำงานการเมืองในสภาฯได้เพียงไม่กี่เดือนก็ได้ประกาศยุติบทบาทพรรคการเมืองไป ซึ่งความเป็นจริงนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป น่าจะไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ต้อน ไม่ควรจะมาตั้งพรรคประชาชนปฏิรูปเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปแล้วให้ส.ส.ของพรรคไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ในทางพฤฒินัยก็คือการยุบพรรคเพื่อให้ส.ส.ไปรวมกับพรรคการเมืองอื่น ซึ่งเป็นการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ปี60 มาตรา 99 เพราะเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ต้องการให้มีการควบรวมพรรคการเมือง
“ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีการใช้วิธีควบรวมหรือเทคโอเว่อร์พรรคการเมือง เหมือนกับการทำธุรกิจ ของพรรคไทยรักไทย กับพรรคความหวังใหม่ และพรรคเสรีธรรมมาแล้ว เพื่อให้เป็นพรรคการเมืองที่มีเสียงเกินครึ่งของสภาฯ แล้วจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างเบ็ดเสร็จ หลีกเลี่ยงการตรวจสอบของพรรคฝ่ายค้าน จนเกิดปรากฏการณ์เสียงข้างมากลากไป หรือเผด็จการรัฐสภาเกิดขึ้น ด้วยสาเหตุของการควบรวมพรรคการเมืองนี่เอง จึงเป็นที่มาของการมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในเรื่องการควบรวมพรรคการเมือง ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ ปี50 มาตรา104 และยังมีในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 99ในฉบับปัจจุบันด้วย”นายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า จากการประกาศของนายไพบูลย์ ว่าจะไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ ถ้าสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จะก่อให้เกิดลัทธิเอาอย่าง อาจจะทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคใช้วิธีการดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งเป็นการเมืองถอยหลังเข้าคลอง เป็นวงจรอุบาทว์ ไม่ต่างอะไรกับการเมืองยุคของระบอบทักษิณในอดีตที่ผ่านมา จึงอยากจะขอความชัดเจนในเรื่องนี้จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รีบวินิจฉัย หรือตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานทางการเมืองในโอกาสต่อไป