วันที่ 8 มิถุนายน นพ.เหวง โตจิราการ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก เสนอข้อคิดเห็นบางประการ ถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่า
นายกฯประยุทธ์ “ปริ๊ด” นปช.เรื่องตั้งศูนย์ปราบโกง (ศปก.นปช.) คุณจตุพร คุณณัฐวุฒิ อ.ธิดาได้ ชี้แจงไปบ้างแล้ว
ผมจะขอเพิ่มเติมบางเรื่องดังนี้ครับ
1.นปช.เป็นองค์กรของประชาชนที่ชื่ออธิบายทุกอย่างในตัวคือ “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” จึงไม่ได้มีหน้าที่หลักในการปราบโกงคอร์รัปชั่น แต่มีความรับผิดชอบหลักในการการปราบโกงหรือปล้นอำนาจอธิปไตยของประชาชนชาวไทย
2.ในระบอบประชาธิปไตย ฝ่ายค้านมีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมฝ่ายรัฐบาล ซึ่งในระบอบรัฐประหารไม่มี ดังนั้น ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีพรรคประชาธิปัตย์ คอย “ปราบโกงจำนำข้าว” โดยตรงอยู่แล้ว
อีกทั้งยังมีองค์กรอิสระอีกหลายองค์กรทำหน้าที่ปราบโกงจำนำข้าวอย่างออกนอกหน้าจนเกินงามด้วยซ้ำไป ดังจะได้เห็นบทบาทของปชป. และของ ป.ป.ช.ที่ปราบโกงจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างเอาเป็นเอาตาย (ภายหลังแถลงนโยบายเพียง 2 วัน โดยไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ป.ป.ช.ก็ยื่นเรื่องค้านนโยบาย “จำนำข้าว” เสียแล้ว)
หาก นปช.ไป “ปราบโกงจำนำข้าว” ก็ต้องถูกใส่ร้ายป้ายสีว่า “จะฟอกขาวให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์แน่นอน เพราะกล่าวหาว่าเป็นพวกเดียวกัน”
3.ศูนย์ปราบโกงของ นปช.(ศปก.นปช.) ตั้งใจที่จะช่วยประเทศและประชาชนเพื่อให้การลงเสียงประชามติเที่ยวนี้ประชาชนไปใช้สิทธิให้มากกว่าประเทศพม่า (ไม่อายพม่า) และต้องเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรม (ไม่โกง) “ไม่ว่าฝ่ายไหนทั้งสิ้น”
นปช.ได้ศึกษา พ.ร.บ.ประชามติแล้ว เห็นว่าไม่ได้มีข้อห้าม จึงไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ สามารถดำเนินการได้และเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และไม่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายใดๆ นรม.จึงไม่ต้องมารับรองว่า ศปก.นปช.ถูกต้องตามกฎหมาย
นปช.เห็นว่า “จะมีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เกลียดชังศูนย์ปราบโกง ก็คือ พวกคนโกง หรือพวกคนที่ตั้งใจจะโกง เท่านั้น” แต่คนส่วนใหญ่สนับสนุนแน่นอน เพราะไม่มีใครสนับสนุนการโกงและคนโกงไม่ว่าเรื่องใดๆ
4.นปช.ได้ทำงานในการตรวจสอบการโกงมาแล้วระดับทั่วประเทศที่มีอาสาสมัครกว่าแสนและทั่วทั้ง กทม. มีอาสามัครร่วมหมื่น คือตรวจสอบการเลือกตั้งทั่วประเทศปี 2554 ในเดือนกรกฎาคม และตรวจสอบการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในปี 2556 เดือนมีนาคม ไม่ปรากฏว่าอาสาสมัครจำนวนเรือนหมื่นเรือนแสนของ นปช.ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง (ในปัจจุบันคือกฎหมายประชามติ) แม้แต่คนเดียว
จึงไม่ใช่เรื่อง “อากาศธาตุ” อย่างที่นายกฯประยุทธ์กล่าวดูแคลนไว้อย่างน่าเสียใจและเสียดายที่คนระดับนี้ไม่ควรทำลายสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนเช่นนี้
5.ที่เรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการวินิจฉัย ม.61 ขัด ม.4 รัฐธรรมนูญ 2557 ภายในเจ็ดวันนั้น ก็เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่กล่าวว่า “ความยุติธรรมที่มาช้าก็คือความอยุติธรรม”
หรือภาษิตไทยที่กล่าวไว้ว่า “กว่าถั่วจะสุกงาก็จะไหม้” ไม่ใช่ไปบีบบังคับศาลรัฐธรรมนูญ
6.ในเรื่องงบประมาณเรือนหมื่นล้าน นรม.พูดเฉพาะงบของ กกต.เท่านั้น ท่านจงใจไม่พูดถึง งบครู ก.ข.ค.ลองดูครับ ค่าแรงและยานพาหนะและอื่นๆ ต่อคน ประมาณ 600 บาทต่อวัน สามแสนคน
ก็ประมาณ 600×300,000=180,000,000 บาทต่อวัน สองเดือนก็ 180×60=10,800 ล้านบาท ครับเห็นตัวเลขไหมครับ
นี่เฉพาะครู ก.ข.ค.เท่านั้น ยังไม่รวม รด. ไม่รวมพลทหาร ไม่รวม อสม.ไม่รวม กศน. ไม่รวม ทสปช. ไม่รวม อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอีกสารพัดองค์กรที่จะเนรมิตกันขึ้นมา ซึ่งอาจจะซ่อนอยู่ตามกระทรวงมหาดไทย สาธารณสุข ศึกษาธิการ กลาโหม เป็นต้น แล้ว นรม.จะผลาญงบนี้ไปทั้งที่ประเทศและประชาชนยากจนข้นแค้นเหลือแสนอย่างงั้นหรือครับ?
7.นปช.แถลงชัดเจน นี่ไม่ใช่เรื่องโค่นล้ม คสช. ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับคสช.แม้แต่น้อย ถ้าจะเกี่ยวก็เกี่ยวกับ กกต.และพวกโกง หรือตั้งใจจะโกงทั้งหลาย แต่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันทำให้การลงประชามติบริสุทธิ์เที่ยงธรรม และมีคนมาใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด (ไม่อายพม่าขอเน้น) จึงเรียนมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดเข้าใจให้ถูกต้องตามนี้ด้วยครับ
นพ.เหวง โตจิราการ 8 มิถุนายน 2559 08.30 น.
