“ทบ.” แจง คดี “พัน คำกอง” เสียชีวิต อยู่คนละจุดกับรถตู้ที่ขับฝ่าเข้ามา ชี้ พงส.ทำงานตลอดแต่ไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้งดการสอบสวนจนกว่าจะมีหลักฐานใหม่ ทั้งนี้กองทัพ พร้อมแก้ต่างทางคดี ให้ จนท. ผู้ปฏิบัติงาน
เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ นางหนูชิด คำกอง ภรรยาของนายพัน คำกอง พร้อมทนายและญาติ เข้ายื่นฟ้องต่อศาลอาญา เพื่อให้เอาผิดนายทหาร 2 นาย กรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บริเวณถนนราชปรารภ ช่วงเช้ามืดของวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ว่า ที่ผ่านมาคดีดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว ทางพนักงานสอบสวน ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้มีการสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอด แต่เนื่องจากยังไม่สามารถสืบสวนหาตัวผู้ที่เป็นคนทำให้ นายพัน คำกอง เสียชีวิตได้ คดีจึงได้งดการสอบสวนไว้ ต่อเมื่อมีพยานหลักฐานมาใหม่ คดีก็สามารถนำมาสอบสวนเพิ่มเติม แล้วดำเนินการต่อไปได้
พ.อ.วินธัยกล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ช่วงนั้น การควบคุมพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถทำได้ 100% และการใช้อาวุธสงครามจากบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยในภาพข่าวที่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธพยายามสกัดกั้นรถต้องสงสัย ที่ฝ่าด่านบุกเข้ามาจริง แต่นายพันก็ไม่ได้อยู่ในรถคันดังกล่าว ซึ่งพบว่าจุดที่นายพันเสียชีวิตนั้น อยู่คนละจุดกับรถตู้ที่ขับฝ่าเข้ามา และอยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกันกับเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่ จึงทำให้ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนยังไม่สามารถหาตัวผู้ที่กระทำต่อตัวนายพันได้
“การดำเนินการไปยื่นฟ้องเองต่อศาล คงเป็นสิทธิที่ญาติผู้เสียชีวิตที่สามารถกระทำได้ แต่ก็อยากให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในขณะนั้นด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว ทางกองทัพก็ต้องดำเนินการแก้ต่างทางคดี ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานต่อไปและขอเพิ่มเติมว่า คดีนี้ทางทนายและญาติ เคยดำเนินการลักษณะนี้มาแล้ว โดยได้ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งศาลมีคำสั่งยกฟ้องไปแล้ว” พ.อ.วินธัยกล่าว
//////////////