เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความที่บรรยายพิเศษแก่นักศึกษาหลักสูตรโครงการเสาหลักเพื่อแผ่นดินเกียรติยศ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ลงในเฟชบุ๊ค Panadda Diskul เรื่องความรักของคนไทยที่เป็นหนึ่งเดียว ว่า “บอกกับตนเองทุกวัน ถือเป็นบุญใหญ่หลวงเพียงใดแก่ชีวิตข้าพเจ้าที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมี พระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าฯ ทั้ง 2 พระองค์ของปวงชนชาวไทย กับอีกความทรงจำที่ยังจารึกจดจำอยู่เสมอถึงแบบอย่างอันงดงามในพระราชจริยวัตรอ่อนน้อมถ่อมพระองค์และความมีพระเมตตาอันเปี่ยมล้นของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ยังเป็นเรื่องราวเล่าขานไม่รู้จบถึงความรักความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทยที่ไม่มีผู้ใดสามารถลืมเลือนได้ตราบนานแสนนาน
35 ปีของอายุราชการข้าพเจ้า ที่ได้แลเห็นประเทศไทยในอดีตที่มีความสง่างามมากทั้งในสายตาของประชาชนคนไทยและชาวต่างประเทศในช่วงประมาณปี 2520 ต้นๆ ที่ยังอยู่ในความทรงจำ พลเอก สิทธิ จิรโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในดวงใจของข้าพเจ้าเมื่อแรกเริ่มต้นเข้ารับราชการ เป็นอาทิ และปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อีกหลายๆ ท่าน หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงต่างๆ ผู้เป็นที่เคารพรักยิ่งที่ข้าพเจ้ายังสามารถย้อนรำลึกกลับไปถึงความเป็นครูและผู้บังคับบัญชาแบบอย่างของทุกท่านเหล่านั้นได้อย่างขึ้นใจ ช่างเป็นสิ่งที่ข้าราชการต่างยึดมั่นศรัทธาปฏิบัติตามเป็นแบบอย่างอันดีงามตลอดมา
กิริยา วาจา ใจ ความมุ่งมั่น คือ ความเพียร และความซื่อสัตย์สุจริต ที่ต้องแบ่งให้ได้ เรื่องใดคือเรื่องส่วนตนหรือส่วนรวม การไม่นำวงศาคณาญาติมาข้องเกี่ยวกับการบริหารราชการ การมีระบบการเชื่อมโยงที่มีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาลทางการบริหารระหว่างราชการส่วนกลาง-ภูมิภาค-ท้องถิ่น ที่สำคัญคือการไม่มีผลประโชน์ร่วมกับผู้ใดใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะตามน้ำหรือไม่ตามน้ำ กล่าวคือ ต้องปฏิเสธให้ได้ทั้งสิ้น ไม่พูดอย่างทำอีกอย่าง ไม่ทุจริต ไม่กล่าวเท็จ ไม่ประจบประแจงสอพลอที่ทำให้ระบบงานเสียหายและขาดระบบระเบียบอันควร เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาพื้นฐานที่ขวางกั้นความเจริญของระบอบประชาธิปไตย ต้องไม่ลืมคำสอนพระราชทานเรื่อง ความรู้-รัก-สามัคคี ความเข้าใจเข้าถึงและพัฒนา และความพอเพียงในชีวิต ไม่เอาคนไม่ดีไม่มีความรู้ความสามารถ และไม่รู้จักการประมาณตนมาอยู่รายรอบ คนประเภทหลังนี้ มีคำสอนของครูอาจารย์ท่านว่าไว้ จะเป็นภัยแก่ตนคือผู้บริหาร เพราะย่อมสะท้อนถึงตัวตนของตนอย่างปฏิเสธไม่ได้”
