วิลาศ แฉ 5 ปมส่อทุจริตในการประปาภูมิภาค ขีดเส้น’เสรี ศุภราทิตย์’รีบแก้ใน1เดือน

‘วิลาศ’ แฉ 5 ทุจริตในการประปาภูมิภาค ต้อนรับ ‘เสรี ศุภราทิตย์’ นั่งผู้ว่าการประปาฯคนใหม่ บี้ เร่งสอบด่วน ขีดเส้นตาย 1 เดือน ไม่คืบส่ง ปปช.แน่

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.และอดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้นายเสรี ศุภราทิตย์ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการบริหารงานของการประปาส่วนภูมิภาครวม 5 เรื่อง อาทิ การจัดซื้อคลอรีนเหลว ซึ่งมีการประกวดราคากันเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ยื่นซอง 2 บริษัท แต่มีบริษัทไทยอาซาฮี ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคลอรีนประจำประเทศไทยได้ยื่นซองในวันที่ 25 มกราคม แต่การประปาส่วนภูมิภาคได้ต่อรองราคา แสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติ เพราะการเคาะราคากำหนดไว้วันที่ 26 มกราคม ซึ่งในทีโออาร์ระบุว่า หลังจากเคาะราคาให้มีการต่อรองราคาจึงมีการนำประเด็นนี้มาอ้าง แต่ก็ไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากยังไม่มีการเคาะราคา เพราะยังไม่ถึงกำหนดแต่กลับมีการต่อรองราคาแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการข้ามขั้นตอน นอกจากนี้การเสนอราคาก็มีพิรุธในเรื่องการต่อรองราคาด้วยโดยจะเป็นราคาค่าขนส่งกับค่าแก๊สบวกคลอรีนเหลว ซึ่งราคาค่าขนส่งสูงเกินความจริง เช่น บริเวณภาคตะวันออกในเขตที่ 1 ค่าขนส่งอยู่ที่ 1,260 บาทต่อท่อ ค่าแก๊ส 1,250 บาท แต่ที่น่าประหลาดใจคือมีการมั่วตัวเลขในการบวกสองส่วนนี้อีก 50 บาทคือจากราคา 2,510 บาท เป็น 2,560 บาท จึงขอให้ตรวจสอบว่าเหตุใดค่าขนส่งจึงแพงบ้าเลือดขนาดนี้

นายวิลาศกล่าวต่อว่า 2.การวางท่อประปา 44.5 กิโลเมตรที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ วงเงิน 715 ล้านบาท โดยในช่วงปีแรกหลังมีการวางท่อมีท่อประปาแตกจำนวน 132 ครั้ง ทำให้การประปาเสียหายจากน้ำรั่วไหลกว่า 162.5 ล้านบาท มีการตั้งกรรมการสอบแต่คนที่รับผิดชอบกลับได้เลื่อนเป็นรองผู้ว่าฯ มีแค่นายช่างเล็กๆ ที่ถูกไล่ออกสองคนส่วนตัวใหญ่มีแค่คำว่ากล่าวตักเตือนไม่มีการดำเนินคดี ขณะที่ปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไขทั้งที่มีการนำท่อที่ไม่ได้มาตรฐานไปก่อสร้าง ซึ่งมาจนถึงปัจจุบันเกินสองปีแล้วทำให้หมดสัญญาค้ำประกัน แต่ยังไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่บริษัทที่วางท่อประปาก็ยังรับงานกับหน่วยงานนี้ต่อ 3.การก่อสร้างอาคารที่การประปาภูมิภาคเขต 1 โดยมีการเซ็นสัญญาไปแล้ววงเงินประมาณ 25 ล้านบาท ลงนามโดยผู้อำนวยการเขต 1 ซึ่งในสัญญาระบุว่าจะต้องมีการจ่ายเงินงวดแรก 15 เปอร์เซ็นต์หลังเซ็นสัญญาโดยมีการนำหนังสือค้ำประกันจากบริษัทลิสซิ่งทั้งที่ไม่สามารถทำได้ ทำให้ต้องบอกเลิกสัญญาและนำบริษัทรายใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเรียกค่าชดเชยจากบริษัทแรก ซึ่งปัจจุบันคนที่รับผิดชอบเป็นถึงรองผู้ว่าการประปาฯแล้ว

นายวิลาศกล่าวอีกว่า 4.การซื้อที่ดินที่ จ.สุราษฎร์ธานีในราคาสูงเกินจริงและยังเป็นการซื้อที่ดินในแนวเวนคืนด้วยจึงเกิดคำถามว่าไปจัดซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวได้อย่างไร อีกทั้งหลังจากซื้อแล้วยังหาแหล่งน้ำดิบไปทำน้ำประปาไม่ได้ โดยที่ดังกล่าวเป็นที่ติดจำนองเมื่อจะถูกเวนคืนก็เลยไม่มีการไถ่ถอน จากนั้นการประปาส่วนภูมิภาคได้ไปซื้อที่ดินดังกล่าวซึ่งปัจจุบันทิ้งไว้เฉยๆ ไม่มีการใช้ประโยชน์ใดๆ มีแต่การก่อสร้างอาคารมาตั้งแต่ปี 2553 ที่สำคัญคือกรณีนี้ทำผิดระเบียบเพราะเป็นการซื้อที่ดินในแนวเวนคืน และ 5.กรณีบริษัทอีสวอเตอร์ เป็นบริษัทที่สูบเลือดจากการประปาส่วนภูมิภาค ได้กำไรและแบ่งโบนัสกัน แต่การประปาส่วนภูมิภาคอาการร่อแร่หลังมีการตั้งบริษัทดังกล่าวเพราะต้องซื้อน้ำดิบมาทำประปาผ่านบริษัทอีสวอเตอร์ จึงทำให้ราคาแพงถึงคิวละ 10.50 บาท โดยอ้างว่าบริษัทอีสวอเตอร์ลงทุนวางท่อทั้งที่เดิมเคยซื้อจากชลประทานได้ในราคาคิวละ 50 สตางค์ บริษัทดังกล่าวจึงเป็นเหมือนเสือนอนกินและยังมีการตั้งบริษัทลูกมารับงานจากการประปาด้วย จึงขอเรียกร้องให้การประปาฯถอนหุ้นออกมา ที่สำคัญคือกฤษฎีกาได้ตีความว่า การที่การประปาส่วนภูมิภาคถือหุ้นในอีสวอเตอร์เป็นการกระทำที่ขัดกับ พ.ร.บ.การประปาส่วนภูมิภาคมาตรา 5 แต่กลับไม่มีการถอนหุ้นออกมาทำให้เกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

“ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องที่นายเสรี ในฐานะผู้ว่าการประปาฯคนใหม่ที่ประกาศว่าจะเอาจริงเอาจังกับการทุจริตควรจะดำเนินการอย่างจริงจัง โดยผมจะนำเรื่องความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้นกับการประปาส่วนภูมิภาครวม 5 เรื่องไปมอบให้นายเสรีเพราะแสดงเจตนาว่าจะปราบปรามการทุจริตมาตลอดจึงหวังว่าจะเร่งดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส โดยจะให้เวลา 1 เดือน หากไม่มีความคืบหน้าจะส่งเรื่องให้ ปปช.ดำเนินการต่อไป” นายวิลาศกล่าวทิ้งทาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image