เลขา ครป. แนะ ‘บิ๊กแดง’ อย่ากล่าวหาใครเป็นคอมมิวนิสต์ จี้รัฐบาลสอบวินัย ชี้ปาฐกถาหวังผลการเมือง

เลขา ครป. แนะ ‘บิ๊กแดง’ อย่ากล่าวหาใครเป็นคอมมิวนิสต์ จี้รัฐบาลสอบวินัย ชี้ปาฐกถาหวังผลการเมือง

สืบเนื่องกรณี พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ บรรยายพิเศษหัวข้อเรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ในช่วงสายของวันที่ 11 ตุลาคม

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)และเลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 แสดงความเห็นต่อการบรรยายพิเศษดังกล่าวว่า
การที่ ผบ.ทบ.ออกมาปาฐกถาพิเศษมองประเทศไทยในมุมมองด้านความมั่นคง อาจไม่ใช่เรื่องแปลกหากเป็นการมอบนโยบายให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่การที่จัดแถลงข่าวเป็นพิเศษเพื่อหวังผลทางการเมือง เชิญนักข่าวมาทำข่าวและตำหนิการทำหน้าที่ฝ่ายการเมืองในฐานะข้าราชการเป็นเรื่องผิดปกติไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่บทบาทของกองทัพ สมควรได้รับการตำหนิ และถ้าผิดวินัยร้ายแรงสมควรปลดออกจากราชการ รัฐบาลต้องตรวจสอบวินัย ผบ.ทบ.ด้วย

“ผมเคยเสนอความเห็นต่อ ผบ.ทบ.ไปแล้ว 10 ข้อ เพื่อสร้างความสมานฉันท์และการปรองดองจากความขัดแย้ง และยุติบทบาทสถาบันกองทัพที่เคยแทรกแซงการเมืองในอดีต เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปในพลวัตประวัติศาสตร์ ไม่ทราบว่ากองทัพนำไปกลั่นกรองประมวลผลหรือไม่ เพราะเหตุใดวิสัยทัศน์ของผู้นำกองทัพถึงยังไม่ปรับตัวเข้ากับสังคมสมัยใหม่ เอาตนเองเป็นศูนย์กลางความมั่นคงของชาติ ชี้หน้าด่าพลเมืองในชาติเป็นศัตรูความมั่นคงและสร้างโครงข่ายขบวนการทำลายประเทศไว้ให้ กอ.รมน.นั่งเทียนทำงานเหมือนในยุคสงครามเย็น

ผมขอยืนยันว่าความเป็นชาติไทยสมัยใหม่ กองทัพไม่อาจเอาตนเองเป็นศูนย์กลางความมั่นคงท่ามกลางปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงสมัยใหม่ที่กองทัพต้องตั้งรับและปรับตัว เพราะการที่นำทหารไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจทางการเมืองเป็นสาเหตุของการทุจริตคอร์รัปชั่น ภาระหน้าที่ของกองทัพในยุคใหม่ต้องสมาร์ท ทันสมัย มีนวัตกรรม มีวิทยาการสมัยใหม่ เพื่อหนุนช่วยการทำงานของรัฐบาลด้านความมั่นคงปลอดภัยของพลเมืองทุกคนในชาติจากภัยคุกคามภายนอกตามนโยบายทางการเมือง ตรวจสอบเจ้าหน้าที่สีเทาที่ออกนอกแถว ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องขบวนการค้าอาวุธ ขบวนการค้ามนุษย์และยาเสพติด หรือเกี่ยวข้างกับอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการช่วยเหลือภัยพิบัติทางธรรมชาติและมนุษยธรรมที่ต้องการวิทยาการทางทหารสนับสนุน” นายเมธากล่าว

Advertisement
เมธา มาสขาว (แฟ้มภาพ)

นายเมธา ระบุว่า ประเทศไทยผ่านภัยคุกคามความมั่นคงแบบเก่ามาแล้วจากสงครามกลางเมืองที่คนไทยหันมาฆ่ากันเอง ทหารไทยบาดเจ็บและสูญเสียไปมากมาย ขณะที่ทหารป่าผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและนิสิต-นักศึกษาซึ่งเป็นคนไทยก็ถูกยิงตายไปจำนวนมากเช่นกัน มิได้มีเพียงแต่วีรกรรมของพล.อ.สุนทร เท่านั้น ประเทศไทยเยียวยาบาดแผลเหล่านั้นอย่างไรขอให้ท่านไปขอความรู้จากพล.อ.ชวลิต, พล.อ.บัญชร และหรืออดีตนายทหารอาชีพรุ่นอาวุโส ที่ผลักดันสันติภาพมาจนไทยไม่ถูกจีนและเวียดนามรุกรานในอดีต ดังนั้นอย่ากล่าวหาว่าใครเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะเราเปิดความสัมพันธ์อันดีกับจีนมาตั้งแต่ปี 2518

“การที่สังคมไทยมี Mastermind หรือมีนักคิดจำนวนมากเป็นเรื่องที่ดีในการพัฒนาสังคมและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพทางปัญญา การที่ ผบ.ทบ. มองคนไทยในชาติเป็นภัยคุกคามและสร้าง Hybrid Warfare ขึ้นมาจำลองสงครามสมัยใหม่อาจเป็นภัยคุกคามที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะไม่มีสงครามทางทหารแล้วในยุคใหม่ มีแต่การสู้รบกับปัญหาซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเท่านั้น การปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมาเกิดจากสนิมเนื้อใน-จากภายในกองทัพทั้งสิ้น ซึ่งนำมาสู่การต้องปฏิรูปกองทัพใหม่ให้สอดคล้องยุคสมัยและไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงเสียเองหากมีผู้นำที่เกิดบ้าอำนาจขึ้นมา ดังนั้น บทบาทของผู้นำเหล่าทัพจึงถูกจำกัดอำนาจทางการเมืองทั้งในสหรัฐและจีน นายทหารระดับยังเติร์กรับรู้ปัญหาเหล่านี้ดี”

นายเมธา กล่าวอีกว่า ภัยคุกคามสำคัญในปัจจุบันคือภัยจากความเหลื่อมล้ำและความยากจนในสังคมไทยที่ถ่างกว้างมากขึ้น ที่เกิดจากการฉ้อฉลของฝ่ายบริหาร และการสมคบคิดรวมถึงปล่อยปละละเลยของข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราออกกฎหมายเอื้อเอกชน ให้สัมปทานผูกขาดและคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายมากมายในอดีต โดยกลไกการตรวจสอบไม่ทำงานและปล่อยให้ผู้มีอำนาจลอยนวล กลายเป็นวงจรอำนาจนิยมอุปถัมภ์เรื่อยมา

“ผมขอถามไปยังรัฐบาล ฝ่ายนิติบัญญัติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติว่า การที่ประเทศไทยถูกนักการเมืองบางคนสมคบคิดกับนักกฎหมายและกลุ่มทุนผูกขาด ใช้กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) และกฎหมายส่งเสริมการลงทุน (BOI) เอื้อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องเป็นภัยคุกคามทำลายชาติหรือไม่ อย่าปล่อยให้ผบ.ทบ.ออกมาแสดงบทบาทผิดที่ผิดทางไม่ตรงจุด อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงว่า ปัจจุบันมีการงดเว้นภาษีและให้อภิสิทธิ์พิเศษต่างๆ กี่บริษัท กี่โครงการ ให้แก่รายใดบ้าง และให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่ต่างชาติไปแล้วกี่โครงการ กี่รายและกี่ไร่ ปัจจุบันมีทุนต่างชาติมาผูกขาดยึดครองถือกรรมสิทธิ์ผืนดินไทยในภาคตะวันออกแล้วจำนวนเท่าไหร่ กี่ไร่ กี่เปอร์เซ็นต์ เป็นภัยคุกคามความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองไทยหรือไม่ ข้าราชการไทยใน EEC และ BOI ต้องตะหนักถึงภัยประเทศในเรื่องนี้อย่างจริงจัง เห็นแก่คนไทยเจ้าของประเทศ อย่าเอาใจแต่เพียงรัฐมนตรีไม่กี่คน แล้วต้องมาติดคุกติดตะรางภายหลัง

นอกจากนี้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมืองและฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่หน้าที่ของกองทัพและฝ่ายความมั่นคง ท่านคงต้องลาออกมาก่อนค่อยพูดเรื่องนี้ เป็นความผิดพลาดของผู้ร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ผู้นำเหล่าทัพเป็นวุฒิสภาโดยตำแหน่ง” นายเมธากล่าวทิ้งท้าย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image