‘ภูมิใจไทย’ ขน 7 รัฐมนตรี-ส.ส.ลุย​พัทลุง ดัน 98 โครงการ​ มูลค่าทะลุ​ 2.2. หมื่นล้าน​

“ภูมิใจไทย” ประชุมสัญจรครั้งแรก​ ขน 7 รัฐมนตรี-ส.ส.ลุย​พัทลุง ดัน 98 โครงการ​ มูลค่าทะลุ​ 2.2. หมื่นล้าน​ “อนุทิน” ยันทำตามสัญญาหาเสียง​ ไม่ได้หวังตีพรรคเจ้าถิ่นเดิม​ ลั่น​แม้เป็นพรรคร่วม​ แต่ของบางอย่างยอมกันไม่ได้​ ปชช.จะตัดสินเอง​ บอกต้องทำหูทวนลม​ หมาเห่าอย่าเห่าตอบ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ตุลาคม​ ที่​โรงแรมศิวา​ รอยัล​ จังหวัดพัทลุง​ นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข​ ในฐานะหัวหน้าพรร​คภูมิใจ​ไทย​ (ภท.)​ นำ​รัฐมนตรี​ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทยจำนวน 7 คน​ พร้อมด้วย​ ส.ส.​ ร่วมแถลงข่าวผลการประชุมพรรคภูมิใจ​ไทย​สัญจรครั้งที่ 1 จังหวัดพัทลุง​ ซึ่งที่ประชุมมีมติมุ่งเป้าพัฒนา 14 จังหวัดภาคใต้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว พร้อมผลักดัน 98 โครงการสำคัญลงพื้นที่ งบประมาณรวม 22,435,581,312 ล้านบาท วางเป้าหมายเพิ่มตัวเลขนักท่องเที่ยวอีก 50,000 คนต่อปี

นายอนุทินกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยทั้งพรรคมาอยู่ที่พัทลุง ถือเป็นเรื่องของทั้งพรรคและรัฐบาลที่จะใช้โอกาสวันหยุดสุดสัปดาห์ลงพื้นที่มาทำงานในฐานะฝ่ายบริหารในรัฐบาลและผู้แทนราษฎร โดยได้เดินทางไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ ก่อนหน้านี้​ความรู้สึกของประชาชนมองพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นพรรคของภาคอีสาน และครอบคลุมในระดับภาคหรือท้องถิ่นเท่านั้น แต่จากการที่พรรคภูมิใจไทยมียุทธศาสตร์มุ่งเน้นเรื่องปากท้องและประโยชน์ของประชาชนมากกว่าการเล่นเกมทางการเมือง ​จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจในการเลือกตั้ง วันนี้จึงเป็นการเริ่มต้นในการตอบแทนบุญคุณของประชาชนทั่วประเทศ โดยมีความตั้งใจจะสัญจรไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย พรรคมีรัฐมนตรี 7 คน มี ส.ส. 51 คน และคณะทำงานอีกจำนวนมากที่พร้อมขับเคลื่อนและช่วยเหลือภารกิจของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและประเทศไทยเพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน

Advertisement

นายอนุทินกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ใช่การมาเที่ยว แต่เป็นการนำสมาชิกพรรคทุกคนมาทำงานโดยแบ่งงานตามสายงานและความรับผิดชอบ​ เนื่องจาก ส.ส.แต่ละคนสังกัดอยู่ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.)​ ต่างๆ ส่วนตนและแต่ละรัฐมนตรีก็จะลงพื้นที่ไปติดตามในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงที่รับผิดชอบ พร้อมรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนในพื้นที่​ โดยทุกคนจะรวมพลังช่วยผลักดันให้เรื่องเข้าไปในกรอบงบประมาณ​ จึงขอให้ความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยเน้นเรื่องผลงานที่จะออกสู่ประชาชน อะไรที่ได้ให้คำมั่นสัญญาในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคจะนำส่งทุกเรื่อง ดังนั้น นโยบายต่างๆ ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคจะเดินหน้าเร็วขึ้น แรงขึ้น แต่หากนโยบายใดที่เสนอไปแต่ไม่ได้กำกับดูแลโดยตรง​ ก็จะนำไปหารือกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ดังนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกพรรคต้องเดินหน้าตามนโยบายที่หาเสียง ต้องพึ่งพากันและกัน พรรคภูมิใจไทยผ่านพายุมาแล้ว และได้รับเสียงชื่นชม อย่างไรก็ตาม​ การทำงานก็ต้องผ่านคำปรามาสเช่นกัน

“พรรคไม่มีเรื่องผลประโยชน์ใดๆ มาอุดปากทั้งสิ้น นักการเมืองสังกัดพรรคภูมิใจ​ไทย​ต้องประสบความสำเร็จ ไม่ใช่มาเป็นตัวถ่วง หรือมีใครมาหากินเพื่อประโยชน์ของตัวเอง​ทุกคนมีฐานะ อยู่ดีกินดี มีความพร้อมดูแลตนเองได้ แล้วจึงมาดูแลคนอื่นและประเทศชาติ ทุกคนมีความสุขที่ได้ทำงานเพื่อประชาชน​ ถ้าจะมีอะไรมาอุดปาก​ ก็คืออาหารต่างๆ ที่จะมาอุดปากเพื่อให้มีพลังในการทำงานรับใช้บ้านเมือง​เท่านั้น” นายอนุทิน​กล่าว

เมื่อถามว่า​ จากช่วงที่ผ่านมา ประเมินการทำงานของรัฐมนตรีในสังกัดพรรคภูมิใจไทยไว้อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ขอให้ดูหน้าของรัฐมนตรี แม้หน้าจะดำ แต่ก็ยิ้มทั้งหน้า แก้มก็ยิ้ม ปากก็ยิ้ม ยิ้มมีความสุขที่ได้ทำงาน วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดราชการแต่เป็นรัฐมนตรีต้องทำงาน 24 ชั่วโมง อย่างทุกวันจันทร์ตอนเย็น รัฐมนตรีของพรรคก็จะมาประชุมกันก่อน แล้วจึงนำเรื่องที่ประชุมกันไปสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)​ ในวันอังคาร ดังนั้น​ หากจะให้ประเมิน​ ตนให้ความดันทุรังของรัฐมนตรี 11 เต็ม 10 คะแนน ส่วนผลการทำงาน​ บางคนก็ได้ 7 บางคนก็ได้ 8 คะแนน แต่สุดท้ายก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินมากกว่า

Advertisement

เมื่อถามว่า​ การลงพื้นที่ครั้งนี้​ เพราะหวังจะตีพื้นที่ภาคใต้ให้ได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นหรือไม่​ นายอนุทินกล่าวว่า​ ไม่ได้หวังจะตีกับใคร แต่เป็นการทำงานอย่างเต็มที่ตามที่ได้สัญญากับประชาชนเอาไว้ พรรคภูมิใจไทยคาดหวังว่า หากผลงานก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้ ประชาชนก็จะให้โอกาสพรรคเรื่อยๆ แต่ไม่ได้หวังจะไปตีกับใคร

“ส่วนที่มีการมองว่า การลงพื้นที่ภาคใต้จะกระทบกับฐานเสียงเดิมของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ผมคิดว่าก็เหมือนการตีกอล์ฟ ที่ใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ ของบางอย่างมันยอมกันไม่ได้ คนตัดสินใจคือพี่น้องประชาชน การโจมตีถือเป็นอาหารเสริมเหมือนฟิชออยล์ เหมือนครูที่กำลังมาสอนเรา หากคิดว่าเป็นศัตรูที่มาฟาดฟัน มัวแต่ทะเลาะกับข้างทาง หรือมัวแต่ทะเลาะกับสุนัขก็ไม่ได้ ต้องค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ แล้วหูทวนลมไป แต่ถ้าสุนัขมาใกล้ๆ ก็ต้องป้องกันตัวเอง สุนัขเห่า อย่าเห่าตอบ” นายอนุทินกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image