“พล.ท.ภราดร” เผย อภิปรายงบฯ 63 เน้นงบความมั่นคง หลังรัฐจัดสรรเพิ่มพุ่ง 3 แสนล้าน จับตางบกลาง เคยถูกใช้ซื้ออาวุธ-ตรวจสอบไม่ได้ ฉะ รัฐบาลหวังผลการเมือง จ้องตีปมแก้มาตรา 1 ทั้งที่ฝ่ายค้านไม่มีแนวคิด
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พล.ท. ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยว่า การอภิปรายงบประมาณที่จะมีขึ้นทางพรรคร่วมฝ่ายค้านคงให้ความสำคัญทุกงบประมาณ ทุกกระทรวง เพราะเป็นเงินภาษีประชาชน แต่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหม งบกลาง และงบด้านความมั่นคง เพราะในการจัดสรรงบประมาณปี 2563 จัดทำงบประมาณไม่โปร่งใส ให้ความสำคัญกับงบประมาณด้านความมั่นคงสูงมาก การจัดทำงบประมาณพบว่า กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 233,353.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบปี 2562 จำนวน 6,226.86 ล้านบาท แต่หากนำไปรวมกับงบฝ่ายความมั่นคง จะมากกว่า 300,000 ล้านบาท หรือเทียบเท่ากับงบกระทรวงศึกษาธิการ แต่มีการเล่นกลไปซ่อนไว้ที่กระทรวงอื่นๆที่ กระทรวงกลาโหมหรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)สามารถนำไปใช้ได้
พล.ท.ภราดร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ งบกลางที่มีจำนวนสูงถึง 518,000 ล้านบาท ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สามารถอนุมัติได้ทันทีก็เป็นส่วนหนึ่งของงบฝ่ายความมั่นคง ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ เคยมีการนำงบกลางไปซื้ออาวุธให้กับกองทัพมาแล้ว งบส่วนนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ แม้ผิดวินัยการเงินการคลังแต่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ที่ตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ออกกฎหมายรองรับไว้
ส่วนกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลออกมาโจมตีพรรคร่วมฝ่ายค้านที่รณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าจะมีการแก้ไขในมาตรา 1 นั้น พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นความเชื่อที่ฝ่ายรัฐบาลหลอกตัวเองมาตลอด เพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่มีแนวคิดนี้ แต่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงพยายามสร้างประเด็นเพียงเพื่อปกป้องงบประมาณของตัวเอง เพื่อหวังผลทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งเท่านั้น และขู่ฝ่ายค้านว่าห้ามแตะงบฝ่ายความมั่นคง แม้ฝ่ายค้านจะลดงบฝ่ายความมั่นคงในชั้นรับหลักการ แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะปรับเพิ่มงบความมั่นคงในชั้นกรรมาธิการ(กมธ.)อย่างแน่นอน