‘เลขาสภาฯ’ รับมอบ ร่าง พ.ร.บ.บำนาญฯ ผลักดันไทยเป็นรัฐสวัสดิการ ‘สมบูรณ์’ เผย ‘นายหัวชวน’ ริเริ่มนโยบายเบี้ยยังชีพ กัด ‘ไทยรักไทย’ นิ่งเฉยไม่รับช่วงต่อ
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 16 ต.ค. ที่อาคารรัฐสภา เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอร้องให้สภาผู้แทนพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. … โดยมีนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ
นายนิมิตร์ เทียนอุดม แกนนำเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เปิดเผยว่า จุดประสงค์ของเราคือ การมีพระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. … ที่จะเป็นการสร้างหลักประกันทางรายได้ ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีอยู่กินได้ และดำรงชีวิตอยู่ได้ เราจึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนช่วยผลักดันกฎหมายฉบับนี้ เบื้องต้นจะรวบรวมรายชื่อ 10,000 รายชื่อ เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐสวัสดิการอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนจับตาว่าพรรคการเมืองใดเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะจะได้รู้ว่าใครสนใจประโยชน์ของประชาชน
นายสมบูรณ์ เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. … ที่เสนอมา ขั้นตอนเริ่มแรกต้องมีรายชื่อผู้ริเริ่ม 20 คน ซึ่งวันนี้ส่งเอกสารมาครบ ตนจะนำไปยื่นให้ประธานสภาฯ ต่อไป ในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ และการให้เบี้ยยังชีพ ริเริ่มโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก ที่ให้เบี้ยยังชีพคนละ 200 บาท แต่สมัยนั้นเสถียรภาพด้านการเงิน การคลังไม่ดี จึงไม่สามารถแจกให้ผู้สูงอายุอย่างทั่วถึง จนมาถึงในสมัยที่ 2 แม้ช่วงนั้นจะตรงกับวิกฤตต้มยำกุ้ง นายชวนก็ยังเพิ่มเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุเป็น 300 บาท หลังจากนั้นเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นของพรรคไทยรักไทย ซึ่งถือว่ามีระบบเศรษฐกิจดี แต่ไม่มีการเพิ่มเงินให้ผู้สูงอายุ จนกระทั่งรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้เพิ่มเบี้ยยังชีพเป็น 500 บาท แต่ก็ยังไม่ครบทุกคน จนกระทั่งถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ให้ 500 บาท นี่คือเส้นทางการดูแลสวัสดิการของผู้สูงอายุของไทย
นายสมบูรณ์ เปิดเผยต่อว่า ปัจจุบันนโยบายการดูแลผู้สูงอายุก็เป็นนโยบายของทุกพรรคการเมือง เชื่อว่ารัฐมีหน้าที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่มีผู้สูงอายุประมาณสิบล้านคน ต่อจากนี้เราจะนำเรื่องเข้าสู่สภาฯ เพื่อพิจารณา เรื่องนี้ประชาชนไทยทุกคนที่อยู่ในระบอบประชาธิปไตย มีสิทธิ์ของสวัสดิจากภาครัฐ และในวันที่ 17-18 ต.ค. จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ที่จะนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในการพัฒนาประเทศ และดูแลประชาชน